Page 364 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 364

346
ไม่รู้ที่มาที่ไปเนี่ยโดน อยู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมา ไม่ได้ ! ต้องมีที่มาที่ไป ทายังไง ถึงเป็นอย่างนั้น ต้องบอกด้วย กลับไปแล้วทาอย่างนี้ผลเป็นอย่างนี้ ตรงนั้น ต้องบอกได้
ขณะที่กาหนดอาการเดิน พอจิตไปที่เท้า อาการเดินจากเมื่อก่อน มันแค่รู้ว่ามีแล้วหมด ต่อจากนี้มีแล้วหมดมันเปลี่ยนเป็นอย่างนี้ เบากว่าเก่า หนักกว่าเก่า ชัดกว่าเก่า อันนี้ต้องรู้ว่า ทาแล้วเขาเปลี่ยนไปยังไง มีเหตุมีผล มีนามเป็นเหตุ รูปเป็นผล รูปเป็นเหตุ นามเป็นผล สภาวะธรรมที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่า เหตุอย่างอื่น มีนามเป็นเหตุ บางครั้งจิตไปก่อนแล้วรูปตาม เขาเรียก นามเป็นเหตุ รูปเป็นผล บางครั้งจิตเกิดขึ้นก่อน ความไม่พอใจเกิดขึ้นแล้ว มือก็ตามไป เขาเรียกนามเป็นเหตุรูปเป็นผล มีแต่เหตุกับผล
พอไม่พอใจเกิดขึ้นแล้วเสียงก็ออกไป คาพูดออกไป นามเป็นเหตุรูป เป็นผล บางครั้งออกไปแล้วถึงรู้ คาพูดออกไปเสียใจภายหลัง รูปเป็นเหตุ นามเป็นผล เห็นไหม..มีแต่เหตุกับผล เพราะฉะน้ันเรากาหนดรู้เรื่องเหตุ กับผล ไม่ใช่อยู่ ๆ แล้วก็เป็นไป ไม่มีอะไร ไม่มีเหตุไม่มีผลไม่ได้ ปฏิบัติธรรม ต้องมีเหตุมีผล มันมีเหตุ ผลก็จะเกิด ต้องรู้เหตุ ที่นี้เรารู้เหตุ รู้ว่าเราทา อย่างไรและผลเป็นอย่างไร เราจะได้รู้ว่าอ๋อ..ทาอย่างนี้ ผลเป็นอย่างนี้ ต่อไปเปลี่ยนมาทาอย่างนี้ ผลเป็นอย่างไร เราจึงจะเปลี่ยนวิธีปฏิบัติได้ ไม่ใช่ ทาเหมือนเดิม ผลก็เหมือนเดิม ทาเดิม ๆ อยู่นั่นแหละ ๑๐ กว่าปีก็ยังอยู่ ที่เดิม เพราะว่าเราทาแบบไม่รู้ว่าต้องเพิ่มตรงไหน เปลี่ยนตรงไหน เข้าใจ แล้วนะ..
หมดจริง ๆ.. ดูแต่ละคนหมดแล้ว งั้นวันนี้ก็ไว้เท่านี้ก่อนนะเดี๋ยว นะ.. ก่อนที่เราจะเลิก ขอแผ่เมตตาก่อนนิดหนึ่ง ให้แผ่เมตตา ยกจิตขึ้นสู่ ความสุข แผ่เมตตาสักสองนาที ยกจิตขึ้นสู่ความสุข ยกจิตขึ้นสู่ความสุข เลยนะ ถ้าใครยกจิตขึ้นสู่ความสุขยังไม่ได้ ก็เริ่มจากความว่างก่อนเป็น ขั้นตอนไป แต่ถ้ายกจิตขึ้นสู่ความสุขได้ ก็ยกจิตขึ้นสู่ความสุขได้เลย แล้วก็


































































































   362   363   364   365   366