Page 362 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 362
344
ไปด้วย สว่างไปด้วย แผ่เมตตาเสร็จหน้าตาใสขึ้น ได้สละ เห็นไหม..การได้ แผ่เมตตาให้ความสุขกับคนอื่นเนี่ย เรารู้สึกมีความสุขมากขึ้นสบายใจขึ้น การที่เราให้ความสุข เขาเรียกว่าเป็น “อัปปมัญญา” คือแผ่เมตตาที่ไม่มี ขอบเขตไม่มีประมาณ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร เป็นมิตรหรือศัตรูเราแผ่ เมตตาตรงนี้ ตอนนี้เรานั่งแผ่คนเดียวเราแผ่ได้ ใช่ไหม ? แผ่ให้ใครที่เราเคย ไม่พอใจ เราก็แผ่ให้เขาได้ เพราะเราอยู่ไกลเขา ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ชักติด ๆ การ ที่แผ่เมตตา แค่เราให้อภัยก็ถือว่าทาให้เมตตาเราเกิดแล้วนะ การให้อภัย ไม่ จองเวรซึ่งกันและกัน ก็ถือว่าเป็นการเริ่มเจริญเมตตาแล้ว
พอเราให้อภัยได้ จิตเราสงบ จิตเราก็กว้างได้ พอจิตเรากว้างได้ เรา ก็แผ่ให้ได้ แต่ต้องฝึก ใครก็ตามที่รู้สึกว่าเจออาการเหล่านี้ ไม่สามารถทาได้ ก็ให้ฝึกบ่อย ๆ แผ่บ่อย ๆ ให้ถือเสียว่าเรากาลังตัดกรรม เรากาลังตัดกรรม ทจี่ ะไมผ่ กู ไปในอนาคต ความไมพ่ อใจ ความโกรธความอาฆาตเคยี ดแคน้ เนยี่ มันติดอยู่ที่ใจของเราเมื่อไหร่ แสดงว่าเราผูกแน่นอนแล้ว ผูกติดเพราะมัน ติดอยู่ที่ใจ ติดอยู่ที่ใจของเรา ยังไงก็ไปกับเรา เราจะไปอยู่ที่ไหนก็ไป กับเราอยู่นั่นแหละ เพราะมันติดอยู่ที่ใจของเรา เมื่อไหร่ที่เราให้อภัย แล้ว รู้สึกอิสระ รู้สึกเบา โล่ง เมื่อไปที่ไหนก็รู้สึกสบาย ไม่ติดอยู่ที่ใจ แสดงว่า ผูกไม่ติด จองไม่ติด จองเวร พอเราปล่อยแล้วก็รู้สึกเบาไป อิสระ เป็นการ ตัดกรรม ตัดที่ตัวของเรา เพราะเราไม่ผูก เราก็สบาย เจอหน้าใหม่ก็โกรธ ใหม่ ถ้าจะให้ดีก็อย่าโกรธ พอเจอหน้า อ๋อ..คนแบบนี้เราเคยให้อภัยแล้ว ไม่ ถือสา เราก็แผ่เมตตาให้
สิ่งสาคัญที่สุด คนที่เราควรแผ่เมตตาให้มากที่สุดคือใคร ? ใครนะ ? คนที่ไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบแหละแผ่ยากเลยนะ แผ่ให้ตัวเองมาก ๆ ลองดูสิ พอเราแผ่เมตตาให้ตัวเองมาก ๆ พอเรามีเมตตามากเท่าไหร่ ไอ้ที่ไม่ชอบ ไม่ค่อยมีหรอก ที่ไม่ชอบก็จะหายไปด้วยนะ อย่างเช่นเพิ่มความสุขให้ ตัวเองมาก ๆ สิ ไม่มีอะไรเลยไม่ชอบ ถ้าเรามองผ่านความสุข โลกนี้มีแต่