Page 434 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 434

416
กระพริบ ๆ ไหว ๆ เกิดขึ้น เมื่อมีอาการอย่างนี้เกิดขึ้น ลมหายใจไม่ชัด เวทนา ไม่มี ความคิดไม่เกิด มีแต่สีแสงเกิดขึ้น ก็ให้ตามรู้สีหรือแสงนั้นไป ไม่ต้อง ไปหาอย่างอื่น เพราะสีหรือแสงที่เกิดขึ้นเป็นอารมณ์ปัจจุบัน ตามรู้อาการเกิด ดับของเขาไป อะไรเกิดขึ้นมา รู้ไปเรื่อย ๆ มีแล้วหมดยังไง มีแล้วดับยังไง
เจตนาในการกา หนดเพอื่ ความชดั เจน การพจิ ารณารอู้ าการเกดิ ดบั นนั้ ดูการเปลี่ยนแปลงของเขา รู้ว่าเขา “ต่างจากเดิม” อย่างไร ? ขณะที่เราเอาจิต หรือสติเข้าไปแต่ละขณะ แต่ละครั้ง แต่ละครั้ง เขามีการเปลี่ยนแปลงต่าง จากเดิมอย่างไร ? “ความแตกต่าง” ของสภาวะที่เกิดขึ้น อาจจะชัดมากขึ้น อาจจะเร็วขึ้น ใหญ่ขึ้น หรือเล็กลง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะอย่างไรที่มีการ เปลี่ยนไป นั่นคือ “ความแตกต่าง” หรือยิ่งดูไป จิตเรายิ่งใสขึ้น ใสขึ้น สว่าง ขึ้น อันนี้ก็คือ “ความแตกต่าง” หรือยิ่งดูไป จิตเรายิ่งขุ่นมัว สลัว ๆ อันนี้ก็ คือ “ความแตกต่าง”
เรายิ่งมีสติกาหนดรู้ ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นการเปลี่ยน อันนี้สาคัญมาก ๆ ใน การเจริญวิปัสสนา หรือพิจารณารู้อาการพระไตรลักษณ์ รู้การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของรูป รู้การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของเวทนา รู้การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับ ไปของสัญญา รู้การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของสังขาร รู้การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับ ไปของวิญญาณ แม้แต่อาการของธาตุ ๔ หรือธาตุ ๖ ความเย็น ความร้อน ความอ่อน อาการเคร่งตึง ความหนัก ความเบา ที่เกิดขึ้นที่ตัวเรา นั่นคือ สภาวะที่เราต้องกาหนดรู้ทั้งหมดเลย เป็นสภาวธรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเรา เมื่อ เกิดขึ้นแล้ว ให้เรากาหนดรู้อาการเกิดดับของเขาไป รู้การเปลี่ยนแปลง อันนี้ คือเป้าหมายหลัก อันนี้คือจุดประสงค์ของการเจริญวิปัสสนา
ถามว่า เป็นไปเพื่ออะไร ? เป็นไปเพื่อการคลายจากอุปาทาน การ กาหนดรู้อาการเกิดดับของรูปนาม ของอารมณ์ต่าง ๆ บ่อย ๆ ก็จะทาให้จิต เราคลายจากอุปาทาน การยึดมั่นถือมั่น การยึดมั่นถือมั่นในอะไร ? การยึด มั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ ที่นาความทุกข์มาให้เรา เมื่อไหร่ก็ตาม ที่คนเรามีการยึด


































































































   432   433   434   435   436