Page 433 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 433
415
หรือมีอาการวุบวับ วุบวับ มีอาการกระเพื่อมไหว ? นั่นคือลักษณะ การเปลี่ยนแปลงหรืออาการเกิดดับของเขา เพราะฉะนั้น เมื่อมีเวทนา มี ความปวด เกิดขึ้น ให้เอาจิตหรือสติเราเข้าไปพิจารณารู้การเปลี่ยนแปลง ของเขา
และอีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่สาคัญที่สุดเลย เมื่อมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น แล้ว นักปฏิบัติรู้สึกว่าไม่ดี นั่นคือ “ความคิด” เวลาเรานั่งปฏิบัติ กาหนด ลมหายใจไปสักพัก หรือดูอาการพองยุบไปสักพัก แล้วมีความคิดเกิดขึ้น คิดเรื่องต่าง ๆ นานา ที่ประสบมา หรือที่ยังไม่เกิดก็ตาม จะเข้ามาเรื่อย ๆ ให้เราเห็น หน้าที่ของเราก็คือ ตามกาหนดรู้อาการเกิดดับของความคิด เรา จะกาหนดรู้ได้อย่างไร ? แค่เรา “นิ่ง” แล้ว “ดู”
เวลาคิดจะมีมโนภาพเกิดขึ้นมา คิดถึงอะไร ภาพนั้นก็ปรากฏขึ้นมา แต่สิ่งที่ต้องดูก็คือว่า แต่ละภาพที่เกิดขึ้น ให้พิจารณาว่าเกิดแล้วดับใน ลักษณะอย่างไร มีแล้วหายไปไหม หรือเกิดต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีดับ ? ขอ อย่างเดียว “ไม่ต้องคล้อยตามเขา” ให้เราตั้งสติและพร้อมที่จะกาหนดรู้อาการ เกิดดับของความคิดนั้น ไม่ต้องคล้อยตาม ดูเกิดแล้วดับยังไง ? มีแล้วหาย อย่างไร ? นั่นคือการกาหนดรู้อาการพระไตรลักษณ์
ที่บอกว่า เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง รูปไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรา เช่น “อาการ เต้นของหัวใจ” บางคนนั่งว่าง ๆ พอใจว่างปุ๊บ อาการเต้นของหัวใจชัดขึ้นมา อาการเต้นของหัวใจชัดกว่าลมหายใจ อาการเต้นของหัวใจชัดกว่าอาการ พองยุบ ก็ให้ดูอาการเต้นของหัวใจไป ไม่ต้องไปหาอาการพองยุบหรือ ลมหายใจ เพราะอาการเต้นของหัวใจเป็นอารมณ์ปัจจุบัน ที่จริงแล้วเป็น อาการเกิดดับ เพราะบางครั้งไม่ได้อยู่ที่บริเวณหัวใจหรอก เกิดที่อื่น ๆ ก็มี
และอีกอย่างหนึ่งก็คือ “สี” หรือ “แสง” ที่เกิดขึ้นข้างหน้าเรา จะเป็น สว่าง เป็นมืด ๆ เป็นมัว ๆ สลัว ๆ หรือ เป็นจุดเล็ก ๆ เกิดขึ้น หรือ มีอาการ