Page 466 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 466

448
พร้อม” แล้ว ไม่ต้องไปกังวล ถ้ากังวลตรงนั้น แย่เลย! นั่ง ๆ ไป โอ! ศีล ขาดไปแล้วนี่ เมื่อไหร่จะได้นั่งปฏิบัติได้ ? มีครั้งหนึ่ง พระรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้า พระพุทธเจ้า ไปลาสิกขา บอก “ไม่ไหวแล้วพระพุทธเจ้า ศีลของพระนับ ๆ ดูแล้วตั้ง ๒๒๗ ข้อ จะรักษายังไง ?” พระพุทธเจ้าบอกว่า “ดูก่อน เธอรักษา จิตให้ได้ดวงเดียว คือทาจิตให้บริสุทธิ์เพียงดวงเดียว ก็จะสารวมไปเอง”
สารวมจิต ระวังจิตตัวเองไม่ให้อกุศลเกิด ให้มี “สติ” รู้เท่าทัน ความคิดตัวเอง ความอยากของตัวเอง เดี๋ยวกายก็สารวมไปด้วย ทาไม พระพุทธเจ้าถึงพูดอย่างนั้น ? เป็นไปได้หรือไม่ได้ ? เพราะว่าถ้าเรามัวแต่ มานับอยู่นี่ ถ้าของเราก็ค่อยยังชั่วหน่อย... สังเกตดูว่า ตอนนี้กิเลสตัวไหน เกิด ? นี่แหละคือการดูจิตตัวเอง พอเราเริ่มจากการมีสติตามรู้อาการของ กายเราไปเรื่อย ๆ นี่ เขาจะสารวม
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องศีล เขาจะถึงพร้อมในขณะที่เรามีสติ ตามหลักของวิปัสสนาแล้ว ศีลวิสุทธิ ศีลบริสุทธิ์ในขณะที่เรามีสติกาหนดรู้ อาการของรูปนาม ก็คือมีสติตามรู้กายรู้จิตของเรา รู้การกระทาของเรา ไม่ว่า จะขณะไหนก็ตาม เราไม่ได้ผิดตลอดเวลา แต่ถ้าติดใจ แสดงว่าคิดซ้าแล้วซ้า อีก ศีลคือการสารวมแค่กายวาจา เพราะฉะนั้น ถ้าเราสารวมใจได้ ใจละเอียด กว่ากาย กายวาจาก็จะสารวมได้
วิธีรักษาศีล “รักษาที่ดีอยู่แล้วไม่ให้ขาด อันไหนที่ขาดแล้วก็ปะ” สังเกตไหม สิ่งที่เราทาผิดบ่อย ๆ มีไม่กี่อย่างหรอก คนชอบพูดโกหก ต่อไปก็ บอกตัวเองว่า “ฉันจะไม่โกหก” เรื่องอื่นดีหมด ผิดอยู่เรื่องเดียว เรื่องโกหก เพราะฉะนั้น อย่างอื่นไม่ต้องห่วง มาแก้ตรงที่อาการโกหก เห็นไหม ศีลเหลือ ที่เราต้องทาแค่ข้อเดียว นอกนั้นดีอยู่แล้ว ที่ดีอยู่แล้วเราก็ห่วงว่ามันขาดหรือ ยัง ขาดหรือยัง... อยู่นั่นแหละ ที่ยังไม่ดีเราก็เลยไม่ได้ดู! เห็นไหม งานที่เรา ต้องทาก็น้อยลง ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า การสารวมจิต การรักษาจิตของเรา ง่าย ๆ ก็คือ พอเรารักษาจิตเราปุ๊บนี่ มันก็จะสารวมไปในตัว ตรงนั้นแหละ


































































































   464   465   466   467   468