Page 468 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 468

450
นี้เอง! จิตเบาเป็นอย่างนี้เอง!
โยคี : จาเป็นไหมครับว่าต้องนั่งหลับตา ?
พระอาจารย์ : ไม่จาเป็นนะ ถามว่า จาเป็นไหม ? บางคนจาเป็น
บางคนก็ไม่จาเป็น บางคนนี่ไม่หลับตาไม่ได้นะ บางคนหลับตาแล้วหลับ พอหลับตาก็หลับเลย! บางคนพอหลับตาแล้วจิตจะรวม จะสารวมแล้วก็ สงบได้ง่าย บางคนลืมตาแล้วรู้สึกมีสติมากกว่า ดีกว่า ก็ลืมตาไป! อันนี้ ไม่ผิด แต่เวลาลืมตาก็ให้ทอดสายตาต่านิดหนึ่ง ตาจะได้ไม่แห้ง ลมเข้าตา แล้วตาจะแห้ง จะเสีย
จริง ๆ ถามว่า ไม่หลับตาได้ไหม ? สมัยพุทธกาลก็มีพระจักขุบาล ปฏิบัติไม่หลับไม่นอน ไม่ยอมหลับตา เดินจงกรม นั่งสมาธิ ลืมตาตลอด เวลา จนตาบอด หมอชีวกบอกให้พักหน่อย เพื่อที่จะหยอดตาให้ ก็ไม่ ยอม นั่นคือถือสัจจะ ตั้งจิตตัวเอง ไม่หลับไม่นอน ไม่หลับตา เขาเรียก “ถือ เนสัชชิ” แต่พอบรรลุธรรมแล้วได้ตาทิพย์ ได้สิ่งชดเชยขึ้นมา เพราะฉะนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนต้องหลับตา บางคนก็ต้องลืมตา หลับตาหรือ ลืมตา ไม่ผิด ไม่มีข้อบังคับ
หมดเวลา งั้นวันนี้ไว้เท่านี้ก่อนนะ... เดี๋ยวก่อนที่จะลุก ขอแผ่เมตตา นิดหนึ่ง เทวดาอยู่ตรงนี้ เขาได้รับอานิสงส์ผลบุญที่เราทา ไม่ว่าจะเป็นตรงนี้ หรือที่บ้าน หรือเทวดาที่อยู่รอบ ๆ เขาก็มาดูเราปฏิบัติธรรมนั่นแหละ เขาก็ คอยรับอานิสงส์... ทาใจให้ว่างนะ เพื่อให้จิตเราบริสุทธิ์ ปล่อยใจของเราให้ ว่าง ให้กว้างเท่าท้องฟ้าเลย เทวดาอยู่ที่ไหนก็จะได้รับอนุโมทนาในส่วนบุญ กุศลที่เราทา
ทาใจให้ว่าง แล้วน้อมถึงบุญกุศลที่เราทา น้อมบุญนั้นเข้ามาที่ตัวที่ใจ ของเราให้เต็ม แล้วแผ่ออกไปให้กว้าง ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ จากนั้นก็ ตั้งจิตอธิษฐาน ขออานิสงส์ผลบุญที่เราได้ทา จงแผ่ออกไป... ให้ผู้มีพระคุณ ทั้งหลาย พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ให้ลูกให้หลาน ให้พี่ให้น้อง แผ่บุญกุศลให้


































































































   466   467   468   469   470