Page 505 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 505
487
เลย ว่างเหมือนกับอากาศตรงนี้... บอกได้ไหม ? บอกได้
เพราะฉะนั้น จึงรู้ในสิ่งที่เขาเป็น เหมือนแสงไฟเราเปิดสว่างมากเลย
แต่มองไม่เห็นนะ ทาไมถึงรู้ว่าสว่าง ? เพราะมองเห็นอย่างอื่นไง ใช่ไหม ? เออ เราเห็นนะ ในนี้สว่างมาก สว่างเหมือนกลางวัน สว่างเหมือนเปิดไฟ สว่างเหมือนไฟส่อง สว่างเหมือนท้องฟ้ายามเช้า... เห็นไหม แต่ละอย่าง แต่ละอย่าง เราเรียกอย่างเดียวกัน แต่ก็จะมีความต่างในตัว ก็เปรียบเทียบ กับสภาวะที่เกิดขึ้น ถามว่า เปรียบเทียบได้ไหม ? เปรียบเทียบได้ ว่าคล้าย อย่างนั้น เหมือนอย่างนั้น เป็นอย่างนี้... เพราะบางทีเราเรียกชื่อไม่ถูก แต่ เขาเกิดขึ้นแล้วรู้สึกอย่างนั้น รู้สึกดีแบบนี้
อีกอย่างหนึ่ง เวลาเรารู้สึกว่าจิตเราเงียบ ๆ เฉย ๆ เรื่อย ๆ เราก็ จะรู้สึกแค่ว่า มันเรื่อย ๆ แต่ไม่ดูสภาพจิต คาว่า “เรื่อย ๆ” ตรงนั้น มีสติ ไหม ? ถ้ามีสติแล้วมันเรื่อย ๆ หรือว่าเป็นความสงบ ? ลองสังเกตนะ คาว่า “เรื่อย ๆ” กับ “รู้ว่าเรื่อย ๆ” อย่างมีสติรู้ชัดว่าเขาเรื่อย ๆ ถ้าไปดูสภาพจิต แค่ เรื่อย ๆ หรือรู้สึกสงบ ? เป็นเพราะจิตเราสงบหรือเปล่า ? อันนี้ต้องสังเกตราย ละเอียดเพิ่มขึ้นและต้องดูที่สภาพจิต อันนั้นคือรายละเอียดของสภาวธรรม ที่เกิดขึ้น เขาเรียก “ดูจิตในจิต” เมื่อมีอาการอย่างนี้เกิดขึ้น ไปดูสภาพจิตเรา เป็นอย่างไร อย่าสรุปว่าไม่ค่อยดี
แต่ถ้าสรุปว่าไม่ค่อยดี ต้องสรุปให้ชัด และรู้ชัดเลยว่า รู้อย่างมีสติ ครบถ้วน มีสติสัมปชัญญะชัดเจน แต่รู้สึกไม่ดีเลย ถ้าเรารู้ชัดอย่างนั้น เมื่อไหร่ เราจะรู้ว่าที่ไม่ดีเกิดจากอะไร... เป็นเพราะมีตัวตน มีเรา เป็นเพราะ อะไร ? ตรงนี้เราจะรู้ชัดว่าความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้นจากอะไร เมื่อเป็นอย่างนั้น จะทาให้เรากาหนดได้ง่าย และจะแก้สภาวะได้ง่าย อันนี้อย่างหนึ่ง
แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ รู้กว้าง ๆ อารมณ์หลักใหญ่ ๆ เลย เวลา เล่าสภาวะจะได้จาได้แม่น ที่จาสภาวะไม่ค่อยได้เพราะไม่รู้ว่ากาหนดอะไร อิริยาบถหลัก ยืนเดินนั่งนอน อารมณ์หลัก ๆ คือ ลมหายใจเข้าออก พองยุบ