Page 16 - ต้นจิตและอริยาบทย่อย
P. 16

10
เข้าไปแล้วเป็นอย่างไร... มันใสขึ้น สว่างขึ้น รู้สึกเข้าไปต่อ รู้สึกเข้าไปอีก ดูซิว่าเขาเปลี่ยนอย่างไรต่อ ที่ถามว่า รู้สึกเข้าไปอีก ดูว่าเขาเปลี่ยนอย่างไรต่อ นั่นเป็นวิธีการที่จะพัฒนาให้โยคีรู้จักสังเกตแล้วมีปัญญามากขึ้น
อันนี้เกี่ยวกับอะไร ? เกี่ยวกับผัสสะทั้งมวลที่เกิดขึ้นมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะผัสสะที่กระทบเข้ามา กระทบแล้วทาไมเราเครียด กระทบแล้วทาไมทุกข์ กระทบแล้วทาไมรู้สึกสบาย กระทบแล้วมีความสุข รู้สึกเข้าไป ดูอะไร ? รู้จิตเราเป็นอย่างไร ผัสสะนั้นเป็นอย่างไร อารมณ์นั้น เป็นอย่างไร การกาหนดรู้ตรงนี้ จะเป็นการพิจารณาสภาวะนั้นไปในตัว แตท่ ใี่ หส้ งั เกตวา่ กระทบแลว้ ดบั อยา่ งไร นนั่ คอื เจตนาให.้ .. เฉลยอกี แลว้ ! เฉลยก็เฉลย ถ้าทาได้ก็ทาได้ ทาไม่ได้ก็ไม่ได้อยู่ดี ที่ให้สังเกตว่า กระทบแล้วดับอย่างไร เจตนาเพื่ออะไรที่ให้เห็นอาการดับมาก ๆ ? จริง ๆ แล้ว ต้องสังเกตด้วยว่า เวลาเห็นอาการดับ-นามดับ อารมณ์ดับ-จิตดับ ดับแต่ละครั้งรู้สึกอย่างไร เวลาถาม โยคีก็จะบอก รู้สึกว่างไป โล่งไป เบาไป จบ! นั่นคือคาตอบ ถูกไหม ? ถูก แต่ทาไมจบง่ายจัง! แล้วก็จะมี คาถามต่อมาว่า เราไม่รู้อาการเกิดดับได้ไหม ? ก็รู้แล้วว่าดับแล้วว่าง ดับ แล้วว่าง... ว่างแล้วดีไหม ? ดี แต่กลับมาถามว่า แต่เราไม่รู้อาการเกิดดับ ได้ไหม ? ดีแล้วทาไมไม่ดู!? เห็นอาการเกิดดับแล้วได้ประโยชน์อะไร ? คาถามนี้เกิดขึ้น เพราะเราไม่ได้สังเกตว่า ทุกครั้งที่เห็นอาการดับ รูปดับ- นามดับ จิตดับแต่ละครั้ง จิตว่างขึ้น ใสขึ้น สงบขึ้น... แล้วจาเป็นต้องมี คาถามไหมว่า รู้อาการเกิดดับทาไม ดับแล้วดีอย่างไร
การที่เห็นอาการดับแล้วจิตใสขึ้น คาถามคือ แล้วไม่ดีเหรอ ? ดับ แตล่ ะครงั้ เหน็ จติ ดวงใหมข่ นึ้ มา สวา่ งกวา่ เดมิ ใสกวา่ เดมิ จติ ดวงนนั้ ไมด่ ี เหรอ ? ถ้าเป็นอย่างนี้ เราควรดูต่อเนื่องดีไหม ? แล้วถ้ารู้ต่อเนื่องต่อไป































































































   14   15   16   17   18