Page 17 - ต้นจิตและอริยาบทย่อย
P. 17

จะเป็นอย่างไร ? อันนี้คือสิ่งที่เราต้องสังเกต เปรียบเหมือนกับเวลาเรา หิวน้ามาก ๆ พอได้ดื่มน้า แก้กระหายได้แล้ว พอหิวน้าอีก ก็มาถามว่า ถ้าหิวน้าอีก ต้องดื่มบ่อย ๆ ไหม ? จาเป็นต้องถามไหมว่าถ้าหิวน้าอีกจะ กินอะไรดี ? ก็เหมือนกับเวลาเรามีความทุกข์ขึ้นมาแล้วเราดับได้ พอทา อยา่ งนแี้ ลว้ ดบั ได้ ดบั ไปเลย! แลว้ ถา้ ดบั ไดบ้ อ่ ย ๆ ตอ่ ไปจะเปน็ อยา่ งไร ? การดอู าการเกดิ ดบั ตรงนี้ สงั เกตอกี อยา่ งหนงึ่ พอเหน็ อาการดบั -จติ ดบั จติ ดวงใหม่ที่เกิดขึ้น ทาไมใสขึ้น สะอาดขึ้น ? อาการนี้ดับ-จิตดับไป อาการ ที่เกิดขึ้นก็ยังไม่ปรุงแต่งเลย จิตดวงนี้ก็ยังไม่ปรุงแต่ง พอดับเสร็จแล้ว จิตดวงใหม่กลับใสขึ้น โล่งขึ้น สบายขึ้นกว่าเดิม ตรงนี้เขาก็ไม่ได้บอกว่า มีกิเลสอะไรเลย อันนี้ต้องสังเกต รู้อาการเกิดดับ ไม่ใช่แค่รู้แล้วดับไป ๆ มีเศษหรือไม่มีเศษ แต่ต้องรู้ตรงผลที่ตามมาด้วยว่าดีอย่างไร
ทีนี้แล้วอิริยาบถย่อยล่ะ ? อาการเกิดดับในอิริยาบถย่อยกับ อิริยาบถหลัก ไม่ต่างกันเลย มีความเท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับกาลังของสติ- สมาธิ-ปัญญา ณ ขณะนั้น ๆ สติ สมาธิ และปัญญาแก่กล้าขนาดไหน อาการเกดิ ดบั กจ็ ะเปน็ แบบนนั้ ยกตวั อยา่ ง เวลาเราเดนิ เรว็ ๆ อยใู่ นความวา่ ง มบี รรยากาศของความวา่ งรองรบั เดนิ ๆ ๆ ๆ ไป ตอนแรก ๆ มรี ปู ชดั เจน มีตัว มีเท้า มีขา พอเดินไปสักพัก ตัวเริ่มหาย ๆ ๆ จิตมีความสงบขึ้น มีความตื่นตัวขึ้น มีความใสขึ้น รูปหายไป ถามว่า รูปหายตอนนี้ต่างจาก ตอนนั่งไหม ? ก็ไม่ต่าง ต่างตรงที่ว่าจิตตื่นตัว ตอนนั่งบางทีรูปหาย สติหายด้วยก็มี เพราะหลับ! แต่ถ้าสติดี รูปหาย มาสารวจดูที่รูป รูปไม่มี แต่รู้สึกนั่งนิ่ง ตั้งมั่น รูปว่างเปล่าอยู่ กับการที่เราเดินแล้วตัวหายไป อันนี้ คือสภาวธรรมเกิดเหมือนกัน แล้วเวลาเราเดิน อาการเกิดดับของอาการ เดินแต่ละก้าว ๆ ที่มุ่งไปแล้วดับหาย ๆ ๆ ตัวหาย เท้าหาย เหลือแต่
11
































































































   15   16   17   18   19