Page 18 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 18
14
เพราะฉะนนั้ ความสขุ ตรงนี้ สงั เกตไหมวา่ ความสขุ แบบนี้ เขาสงบเยน็ ไมไ่ ดส้ ขุ แบบเรา่ รอ้ น สขุ แบบ รอ้ นกม็ นี ะเหมอื นบม่ ดว้ ยแกส๊ นะ สขุ แบบเยน็ กส็ กุ คาตน้ นะ นคี่ อื การแยกรปู นาม การทา จติ ใหว้ า่ ง นอกจาก เอาจิตที่ว่าง ๆ ไปใช้ประโยชน์ได้ เติมความสุขให้จิตตัวเองด้วย เหมือนเพิ่มพลังจิตให้ตัวเอง แล้วต่ออีก นิดหนึ่ง เมื่อกี้นี้เราใช้จิตที่ว่างรับรู้อารมณ์ได้ ตอนนี้จิตเราเปลี่ยนเป็นมีพลังแล้ว ลองเอาจิตที่มีความสุข ไปรับรู้สิ เปลี่ยนกัน เมื่อกี้นี้จิตที่เบามองโต๊ะ โต๊ะเบา ตอนนี้จิตที่มีความสุขกว้างกว่าโต๊ะ ลองดูว่ารู้สึกเป็น อย่างไรยังเบาอยู่ไหม...เบา แต่ว่ามีความสุขห่อหุ้ม มันไม่กระด้างใช่ไหม มันจะไม่รู้สึกว่าแข็ง ๆ เห็นไหม สิ่งเหล่านี้เป็นผลจากจิตของเรา
เพราะฉะนั้นสังเกตไหม ที่เราทาเราสังเกตมานี้ การที่จิตเราเป็นอย่างไร การรับรู้อารมณ์มันส่ง ผลในลักษณะอย่างนั้น เพราะฉะนั้นการรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวเรา ในชีวิตประจาวันของเรา บางครงั้ เรารบั รทู้ า ไมอนั นแี้ ขง็ กระดา้ ง อนั นรี้ สู้ กึ แลว้ รสู้ กึ สบายใจ บางครงั้ ใจเราสบาย บางทใี จเราเองแหละ นิ่ง ๆ พอคนอื่นพูดดี ๆ มา เราก็แข็ง รู้สึกเหมือนกับเปลี่ยนอีกแบบหนึ่ง แต่ว่าเมื่อใจเราเป็นบุญเป็นกุศล ปุ๊บ เขาพูดอย่างไรมาก็จะรู้สึก เออ!รู้สึกดีไปหมดนะ มันจะเห็นนะ เออ! อันนี้ดีแล้วเป็นเรื่องธรรมดา อัน นี้ก็ดีอันนั้นก็ดี เพราะจิตเราดี
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมคือเป้าหมายมาทาจิตของเราให้ดีขึ้น ทาจิตของเราให้ดีขึ้นพอจิตเรา ดีขึ้นเป็นอย่างไร ชีวิตเราก็ดีขึ้นสบายขึ้น แต่ความคิดของเรายังคิดได้เหมือนเดิมทุกเรื่อง แต่ถ้าจิตเราดีขึ้น เราคิดได้ทั้งสองด้าน ทั้งแง่บวกแง่ลบ เพื่อเราได้ศึกษาทาความเข้าใจพิจารณาให้ละเอียดขึ้น เพื่อประโยชน์ ในชีวิตของเรานะ แต่การมองในแง่ดี จิตที่ดีมองในแง่ดีมากกว่า ปัญหาจะลดลง
ถ้าสังเกตดี ๆ นะ ปัญหาในชีวิตของเราจริง ๆ แล้ว ปัญหาใหญ่ ๆ มีไม่มาก ส่วนมากก็สัพเพเหระ เหมือนกับไม่น่าจะเป็นปัญหาหรอก แต่ว่าเป็นปัญหาหมดเลย บางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องของเรา ๆ ก็เอามาเป็น ของเรา ใช่ไหม บางทีอยู่ไกลมากเลยอยู่โน่น ทวีปไหนก็ไม่รู้ เอามาเป็นเรื่องของเราแล้ว แล้วเราก็ทุกข์ ตามเขา คิดดูสิ แล้วก็บอกว่าไม่ใช่ของเรา เอามาเป็นของเราเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราก็มีส่วนร่วมทุกอย่าง เลย กลายเป็นว่ากรรมร่วมแล้วทีนี้ กรรมร่วมเราก็ทุกข์ ทุกข์ร่วมเดี๋ยวก็ทากรรมร่วมกันต่อ แต่ถ้าไม่ทุกข์ ด้วยการทากรรมร่วม เราก็คงจะทุกข์น้อยลง เราก็ทากรรมของเรา ทาจิตของเราให้หลุดพ้นจากวงจร
สังเกตไหมว่า พอจิตเรามีกาลัง จิตเราว่างแล้วมีความสุข จิตที่ว่างประกอบด้วยความสุขและกว้าง เขาไม่ไหลตามอารมณ์ เมื่อเกิดผัสสะขึ้นมาเขาไม่ไหลตามอารมณ์ไม่คล้อยตามอารมณ์ ไม่ตกเป็นทาส ของอารมณ์เพราะเขาเต็ม นี่แหละเขาจะหลุดจากวงจร ไม่ไหลตามอารมณ์ที่มากระทบทางตาหูจมูกลิ้น กายใจ เพราะเขาเต็มแล้วก็ไม่ไหลตามใคร เขามั่นคงเขาไม่ได้อยากอะไรแล้วก็เต็มแล้ว มีอย่างเดียวคือ อยากให้ แต่อย่าหลงนะ เดี๋ยวให้จนหมด เดี๋ยวให้เขาหมดแล้วก็เรียกร้องอีกแหละ ฉันให้แล้วทาไมไม่มา เออ!ฉันให้แล้วไม่ให้กลับ ฉันให้แล้ว ทาไมไม่ให้ฉันกลับ เขาให้แล้วแต่เรารับไม่ได้ เขาให้ในสิ่งที่เราไม่ได้ ปรารถนา พอเราให้เขาแล้ว เราให้อย่างนี้เราก็อยากได้อย่างนั้น แต่เขาให้อีกอย่างหนึ่ง เออ!ไม่ได้ดั่งใจอีก นะ เราก็ไม่สบายใจอีก เพราะฉะนั้นการให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ สังเกตไหมว่าใจที่เต็ม คนที่มีจิตใจที่อิ่มที่ เต็มให้ก็คือให้ จบตรงที่ได้ให้และมีความสุข สิ่งที่ได้รับคือความสุขไม่ใช่สิ่งอื่น