Page 88 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 88

84
เราใชพ้ จิ ารณาไดท้ งั้ ๒ สว่ น ทงั้ ๒ สว่ น กค็ อื สว่ นทเี่ ปน็ สมมตุ สิ จั จะ ความจรงิ ในโลกของเรา กบั อกี สว่ นหนงึ่ ที่เป็นปรมัตถสัจจะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรมัตถสัจจะ ถ้ามีตัวตนมีอัตตาเมื่อไหร่ อารมณ์ปรมัตถ์จะเกิดยาก
เราเคยไดย้ นิ คา วา่ ปฏบิ ตั ธิ รรมเพอื่ ทวนกระแส แตไ่ มใ่ ชข่ วางโลกนะ คนละอยา่ งกนั นะ ทวนกระแส นี่นะ จริง ๆ แล้ว จะรู้สึกว่า อยากจะทาอย่างนั้น...ฉันไม่ทา อยากจะทาแบบนี้....มันฝืนตัวเอง เขาเรียกว่า ขัดเกลาจิตใจตัวเอง ขัดความอยากอย่างหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วนี่นะ เราขัดใจ ขัดเกลาตัวเองนั้นดีแล้ว แต่ที่ จริง การย้อนการทวนนี่นะ การทวนกระแสอย่างหนึ่งก็คือว่า โดยปรกติ เวลารับรู้อารมณ์นี่นะ เรารับรู้เรื่อง ราวที่เป็นบัญญัติก่อนเสมอ มีเรื่องราว มีการเห็น ก็เป็นรูปร่าง เป็นเรื่องราว คิดก็เป็นเรื่องราว เป็นบัญญัติ
แล้วพอเป็นบัญญัติ เป็นเรื่องราว ก็จะเข้าไปยึดไปหลง ไปคลุกคลีคล้อยตาม เป็นทุกข์ มีโลภะ โทสะ เกิดขึ้นมา เหมือนที่เรามีผัสสะกระทบ แล้วรู้เลยว่าเป็นบัญญัติ เป็นเรื่องราว เป็นคน เป็นเรา เป็น เขาปุ๊ปนี่นะ ชอบไม่ชอบตามมาทันที กระทบชอบไม่ชอบตามมา กลายเป็นกิเลสเกิดขึ้นมา แต่ถ้าเขาเรียก ว่าทวนกระแส ก็คือว่า ไปรู้ขณะแรกของจิต ไปรู้ขณะแรกของอารมณ์ที่เกิดขึ้น เขาเรียกทวนจากบัญญัติ กลับเข้าไปสู่ปรมัตถ์
ไปรับรู้ขณะแรกนี่นะ ถ้าสติเรามีกาลังมากขึ้น ก่อนที่จะเป็นเรื่องราวนี่นะ พอกระทบปุ๊ปมีอาการ รวบรวม เขาเรยี ก วถิ .ี ..รวบรวมเรอื่ งราวใหช้ ดั ขนึ้ เรยี กวา่ อะไรได้ ขณะแรกเขาไมไ่ ดบ้ อกวา่ เปน็ อะไร ไมไ่ ด้ บอกว่าเป็นคน เป็นเรา เป็นเขา แค่อาการปรากฏแว็บขึ้นมา ความคิดแว็บขึ้นมา แว็บขึ้นมา เดี๋ยวดับ แว็บ ขึ้นมาแล้วดับ ตรงนี้ ถ้าอยู่ในสภาวะ เข้าไปรู้อารมณ์ปรมัตถ์ ถ้าเห็นอารมณ์ปรมัตถ์แบบนี้เมื่อไหร่ กิเลส จะเกิดไม่ได้ เพราะอายุเขาสั้นมาก ตรงนี้กลายเป็นวิถีจิต
จิตดวงใหม่ขึ้นมา จิตดวงนี้ดับไป จิตดวงใหม่ขึ้นมา ก็ผ่องใส จิตดวงใหม่ขึ้นมา...ผ่องใส การเกิด การดับแบบนี้เรื่อย ๆ ทาให้จิตในปัจจุบัน หรือจิตขณะใหญ่ ใสตามไปด้วย เพราะฉะนั้น การที่ทวนจาก บัญญัติไปสู่ปรมัตถ์ มาจากไหน มาจากแบบนี้ ไล่สภาวะทันนะ ตามทันนะ ตามไม่ทันก็ช่างเถิด เดี๋ยวค่อย เดินตามเอา ถ้าใครไล่สภาวธรรม ทาตาม ทาตามได้ ก็สังเกตต่อไป
จริง ๆ พูดถึงสิ่งที่เราเคยเห็น อย่างเช่น พูดเสมอว่า เวลาเรานั่งกรรมฐาน เราเริ่มจากความเป็น กลุ่มก้อน ความเป็นบัญญัติ เหมือนเราเริ่มจากลมหายใจ เริ่มจากตัว เริ่มจากกายนี่นะ เป็นกลุ่มก้อน...ลม หายใจหรือพองยุบนั้นเป็นกลุ่มก้อน พอมีสติตามกาหนดรู้ไปเรื่อย ๆ ลมหายใจเริ่มบาง เริ่มจาง เริ่มเบา เริ่มสลายไป พองยุบก็เริ่มบาง ๆ จางหายไป สลายไป เหลือแต่อาการตุ้บ ๆ มีอาการฝอย ๆ มีอาการเป็น ละอองระยิบระยับขึ้นมาแทน นั่นคือความเป็นบัญญัติ ความเป็นกลุ่มก้อนเริ่มหายไป จะเข้าสู่ปรมัตถ์
ทีนี้พอไปเรื่อย ๆ พอพองยุบหายไป ว่างไป จางไป สลายไป ว่างไป ว่างหมดเหลือแต่กาย กายที่ ตั้งอยู่ เรารู้สึกเหมือนเป็นแท่ง เป็นก้อน พอกาหนดรู้ไปเรื่อย ๆ กายนี่นะ ก็เริ่มสลาย ๆ จางไป ว่างไป ๆ เหลอื แตอ่ าการเกดิ ดบั ทไี่ มบ่ อกวา่ เปน็ อะไร ทเี่ ราบอก มนั เรยี กวา่ อะไร อาจารยเ์ รยี กวา่ อาการมนั แวบ็ หมด กระเพื่อมไหว มีแว็บ ๆ ที่เราเรียกนิมิตบ้าง อะไรบ้าง...นั่นเป็นอาการที่เกิดขึ้น


































































































   86   87   88   89   90