Page 14 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การปรับอินทรีย์
P. 14
266
เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง เราจะเห็นว่าทุกครั้งที่เห็นชัดว่าจิตที่ทาหน้าที่รู้กับเวทนาแยกส่วนกัน และ เห็นชัดถึงการเกิดดับการเปลี่ยนแปลงของเวทนา ผลที่ตามมาก็คือ ตัวจิตที่ทาหน้าที่รู้หรือสภาพจิตเรา กลับมีความผ่องใสขึ้น ใสขึ้น ๆ ถามว่า ทาไมถึงใสขึ้น ? เพราะความแก่กล้าของสติของสมาธิและปัญญา น นั ่ เ อ ง ป ญั ญ า ท เี ่ ก ดิ ข นึ ้ ม า ไ ม ม่ ตี วั ต น ไ ม ม่ เี ร า จ ติ ย งิ ่ ต งั ้ ม นั ่ ย งิ ่ ผ อ่ ง ใ ส จ ติ ย งิ ่ ผ อ่ ง ใ ส ก ค็ อื จ ติ ท สี ่ ะ อ า ด ข นึ ้ ส ะ อ า ด ปราศจากโมหะเข้าไปครอบงานั่นเอง ไม่มีตัวโมหะเข้าไปหลงว่าเวทนาเป็นของเรา เราแพ้เวทนา เวทนาเกิด กบั เรา เราเปน็ เจา้ ของเวทนา โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ไมม่ คี วามรสู้ กึ วา่ เวทนานนั้ เปน็ ของเรา รแู้ ตว่ า่ เวทนาเขาเกดิ อยู่ในที่ว่าง ๆ และมีการเกิดดับไป นี่คือการพิจารณากาหนดรู้อาการของเวทนาที่เกิดขึ้น
ทีนี้ เมื่อพิจารณาตามสภาวธรรมที่ปรากฏ เวทนาเกิดขึ้นมาไม่สามารถบีบคั้นจิตใจให้เกิดความขุ่น มัวเศร้าหมองได้ และยิ่งใส่ใจกาหนดรู้ ยิ่งเกิดความรู้สึกผ่องใส หรืออิสระจากเวทนา เวทนาเหล่านั้นบอก อะไรแก่เรา ? อาการเวทนาตรงนี้ต่างจากเวทนาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจาวันของเราอย่างไร ? คาถามก็คือว่า ความปวดอันนี้กับความปวดในชีวิตประจาวันต่างกันหรือเหมือนกัน ? ถ้าพูดถึงลักษณะความปวดแล้วไม่ ต่างกัน มีปวดมากมีแก่กล้าจนแทบจะทนไม่ได้เหมือนกัน มีปวดมาก ๆ ปวดน้อย มีน้าหนักหรือไม่มี น้าหนัก อันนี้เหมือนกัน แต่ที่ต่างกันคือตรงไหน ?
ที่ต่างกันก็คือ จิตที่ประกอบด้วยสติ-สมาธิ-ปัญญา เจตนาที่จะรู้ถึงสัจธรรมนั่นเอง จึงทาให้จิตเกิด ความผอ่งใสขนึ้มาเกดิความผอ่งใสเพราะเหน็ชดัวา่เวทนาทเี่กดิขนึ้มานนั้ถงึแมว้า่ทกุวนัเวทนานกี้ป็รากฏ เป็นระยะ ๆ แต่พอเมื่อมีสติ สมาธิ ปัญญาแก่กล้าขึ้นแล้ว กลับเห็นว่าเวทนาก็สักแต่เวทนา เวทนาปรากฏ เกิดขึ้นมา ตั้งอยู่ในที่ว่าง ๆ มีช่องว่างระหว่างเวทนากับจิตที่ทาหน้าที่รู้ และเวทนานั้นไม่สามารถครอบงา จิตใจให้เกิดความขุ่นมัวเศร้าหมองได้ กลายเป็นทุกข์ทางกายแต่ไม่ทุกข์ใจ นี่เพราะเห็นว่าเวทนาทางจิต กับเวทนาทางกายนั้นเป็นคนละส่วนกัน
ทีนี้ ขณะที่เราเห็นถึงความเป็นคนละส่วนกันแบบนี้ เราจะนาไปใช้พิจารณากับเวทนาที่เกิดขึ้น ในชีวิตของเราได้อย่างไร ? ที่จริงไม่ต่างกันเลย! เมื่อเราสามารถเห็นชัดได้ถึงเวทนาที่เกิดขึ้นกับจิตของ เราเป็นคนละส่วนกัน และสามารถทาให้จิตแยกห่างจากเวทนาได้ ให้ใหญ่กว่าเวทนาได้ ในชีวิตประจาวัน ของเราเมื่อมีเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น เพื่อที่จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับเวทนานั้นมากจนเกินไป หรือเพื่อไม่ให้เวทนานั้นบีบคั้นจิตใจจนเกิดความขุ่นมัวเศร้าหมองของจิต ก็ด้วยการทาจิตให้กว้าง แยก ส่วนระหว่างจิตกับเวทนา พอแยกส่วนแบบนี้ เวทนาเขาเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ เป็นคนละส่วนกัน แล้วแยกเมื่อ ไหร่-ไม่มีเรา พอไม่มีเรา ถึงเวทนานั้นจะแก่กล้า แต่ก็ยังรู้สึกว่าทนได้เหมือนกับไม่ต้องกันฟันทน รู้สึกว่า รับได้สบาย ๆ
แต่ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าปวดนะ บางคนแยกแล้วเอาจิตไปอยู่ไกลตัวห่างตัวไปเลย อยู่บนท้องฟ้าให้กว้าง เวทนาที่เคยมีก็รู้สึกว่าหายไปว่างไป หรือไม่รับรู้ถึงเวทนานั้นได้ พอแยกออกไปแล้ว ไปอยู่กับจิตที่ว่าง ไป อยกู่ บั ความรสู้ กึ ทวี่ า่ งทเี่ บาทสี่ งบ ปลอ่ ยใหเ้ วทนาเขาเปน็ ไปของเขา พอปลอ่ ยอยา่ งนนั้ พอไมใ่ หค้ วามสา คญั กร็สู้กึวา่เวทนานนั้หายไปแตพ่อมาสนใจกจ็ะเหน็วา่เวทนายงัมอียู่อนันกี้ม็ีนคี่อืการแยกจติกบัเวทนาทเี่รา