Page 85 - มิติธรรม
P. 85
๙.วธิทีําบญุ
การทําบุญนั้นจะตองถึงพรอม ๓ ขณะ ตั้งแตคิด ขณะทํา และหลังจากทําแลว ใจตองผองใส อิ่มใจ, สดชื่น ฯลฯ เรียกวาถึง พรอม ๓ ขณะ บุญชนิดนี้จึงจะมีกําลังในการสงผล อาจจะสงสัยวา บุญสงผลอยางไร ? เมื่อไหร ?
บุญเริ่มสงผลตั้งแตคิด ...จนถึงทุกครั้งที่ระลึกไดพรอมกับ ความ สุขใจ, อิ่มใจ, ผองใส ฯลฯ อยางใดอยางหนึ่ง บุญแมเพียงครั้ง เดียว เมื่อถึงพรอม ๓ ขณะ บุญนั้นจะใหผลไมมีที่สิ้นสุด ทุกครั้ง ที่ระลึกถึงบุญไดพรอมกับความรูสึกสุขใจ ฯลฯ นั่นแสดงวาบุญให ผลแลว ความสุขใจเปนผลจากการทําบุญ เปนบุญที่เกิดจากใจ บุญที่ เกิดทางใจสงผลใหกายกระปรี้กระเปรา ความกระปรี้กระเปราเกิดจาก ความสุขใจ
เมื่อมีความสุขใจสุขกาย จิตใจยอมปลอดโปรง คิดทําการงาน สิ่งใดยอมสะดวกสบาย ไมติดขัด หนาตายิ้มแยมแจมใส ความสุขใจ ทําใหเกิดความเบา เปนความเบาของกาย - ใจ ความเบาทําใหเกิด ความรูสึกอยากทําความดี เมื่อมีความคิดที่ดี การแสดงออก กิริยา อาการตาง ๆ การพูดจาก็ดีไปดวย เมื่อมีผูพบเห็นไดพูดคุยก็พลอยได รับบุญไปดวย บุญชนิดนี้เปนบุญที่มีกําลังแรงมากใหผลไมมีที่สิ้นสุด เปนบุญที่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งของตนเองและผูอยูใกลได
เมื่อมีโอกาสเขาถึงบุญแลว ความปรารถนาตาง ๆ จะมีกําลังใน การสงผล เพราะผลของความดี (กุศล) ตองอาศัยความเบาชวยหนุน บุญทําใหจิตเบาความเบาของจิตงายตอการทําความดีจิตเขมแข็ง ไมตกต่ํา เมื่อขาดความเบาจึงตองหาโอกาสทําบุญเพื่อใหจิตผองใส
79