Page 108 - มรรควิถี
P. 108
94
ทํางาน จะตองมีสติ ใหสติเกิดขึ้น ใหสติเปนผูควบคุมอาการของเราทุก ๆ อาการ ถาตั้งจิตอยางนี้ สติของเราก็จะทําหนาที่ดูแลเราตลอด พอเรา เผลอปุบสติก็จะมา บางครั้งเผลอไปสติก็จะรีบกระตุกเรียกสติกลับมา
การตั้งจิตอธิษฐานทําใหจิตเรามีพลัง ใหเรากระทําตามที่ไดตั้งจิต อธิษฐานเอาไว คําอธิษฐานเหลานั้นจะคอยเตือนเรา ใหระลึกอยูเสมอวา ตองทําอยางนี้ เพราะฉะนั้นการตั้งจิตใหสติเกิดขึ้นไดทุก ๆ ขณะ ตั้งจิต ใหสติเปนผูดูแลเรา ใหสติเปนผูควบคุมเราควบคุมการกระทําของเรา ทั้ง ทางกาย ทางวาจา ทางใจและทุก ๆ อาการ การกระทําตาง ๆ เหลานี้จะ เปนไปดวยความรูสึกที่วา เปนไปอยางไมมีตัวตน เปนไปอยางอิสระ เปน ไปอยางรูสึกเบา มั่นคง ผองใส แตถาเมื่อไรที่ปลอยใหกิเลสเปนผูควบคุม เราก็จะหนัก เหนื่อยลาไมเบิกบาน เพราะฉะนั้นนักปฏิบัติหรือชาวพุทธทั้ง หลาย การปฏิบัติตามคําสอนของพระพุทธเจา การเจริญสติควรจะทํา เวลาไหน ทําไดทุก ๆ ขณะทุก ๆ เวลาถาเราใหโอกาส ทุก ๆ ขณะทุก ๆ อาการของเรา เปนที่ตั้งของการเจริญสติไดทั้งหมด การเจริญสติจึงเปนสิ่ง สําคัญ และการเจริญสติที่รูทุก ๆ อาการไดทั้งหมดตองมีเปาหมาย การมี สติอยูกับทุก ๆ อาการเปนสิ่งที่ดีแลว เจตนาที่ตองรูและตองเขาใหถึง ความ เปนธรรมดาของอาการนั้น ก็คืออาการพระไตรลักษณนั่นเอง ตองมีเจตนา ที่จะรูวาสิ่งที่เกิดขึ้น ๆ แลวดับอยางไร การกําหนดอาการเกิดขึ้น ตั้งอยู ดับไปนั้นกําหนดอาการของอะไร กําหนดอาการของรูป-นาม สิ่งที่เห็นเปน รูป ใจที่รูเปนนาม เสียงที่ไดยินเปนรูป ใจที่รูเปนนาม รูถึงอาการกระทบ เปนนาม ความคิดมีมโนภาพเกิดขึ้น มโนภาพของความคิดนั้นเปนรูป ความคิดเปนนาม ใจที่ทําหนาที่รูถึงมโนภาพหรือความคิดนั้นเปนนาม
เมื่อไรที่เห็นจิตที่ทําหนาที่รับรูอารมณนั้นดับรูปก็ดับ การเห็นรูป-นาม ดับในแตละขณะ ๆ จะทําใหจิตคลายอุปาทาน อปุ าทานไมเกิดขึ้น อุปาทาน ในรูปที่เราเห็น การยึดติดในอารมณที่เราเห็นก็ไมเกิดขึ้น เห็นอารมณดับ