Page 162 - มรรควิถี
P. 162

148
วาง เมื่ออยูในความวางแลวยกจิตขึ้นสูวิปสสนา ตองการความหลุดพน ตองการละกิเลสอยางสิ้นเชิงเนี่ย ก็ตองมารูอาการเกิดดับ มารูอาการเกิด ดับที่เกิดขึ้นอยูเฉพาะหนา อาการเกิดดับอยางหนึ่งนะ นักปฏิบัติทุกคน ควรจะรู แลวก็ใหชัดก็คือวา ตองรูชัดวาเวลาเราปฏิบัติ กําหนดอาการ เกิดดับนั้น เปนอาการเกิดดับของอารมณไหน ? ของรูป ของเสียง ของกลิ่น ของรส หรือการหยิบจับ หรือขณะเดิน หรืออาการเกิดดับ
อยางเชนเวลาเรานั่งสงบ เริ่มตนดวยการกําหนดลมหายใจ ยกตัวอยางนะ ถาเราเริ่มตนดวยการกําหนดลมหายใจ กําหนดไปสักพัก ลมหายใจหาย แลวมีอาการวาบขึ้นมา เหมือนมีแสง อาการเกิดดับที่มัน วาบขึ้นมา วาบขึ้นมา ถามวาอาการนั้นจะอาศัยอะไร ? ก็คืออาศัยลมหายใจ นั่นแหละ เปนรูปที่ละเอียดขึ้น จากที่เราหายใจ จะสังเกตไดถาเราตามอยาง ตอเนื่อง ถาตามลมหายใจอยางตอเนื่อง จากที่หายใจเปนเสน หายใจออก ก็จะเปนเสนไป สักพักก็เปลี่ยนจากเสน ก็เสนนั้นจะบาง ในเสนบาง ๆ นั้น ถาสังเกตเขาไปอีก พอจิตเราละเอียดขึ้น ลักษณะที่เปนฝอย ๆ ใน ลมหายใจ จะมีอาการฝอย ๆ พอฝอย ๆ ปบ เหมือนกับมีอาการระยิบ ระยับแลวทีนี้ มันก็จะมีระยิบระยับ แตถาเรากําหนดละเอียด ในตัวระยิบ ระยับนั่นแหละ ถาสติเรามีกําลังมากขึ้น มันก็จะมีอาการแวบ แวบ ในตัว ของเขา จากที่ฝอยเยอะ ๆ ก็เหลือแคจุดเดียว แสดงวาสติมีกําลังมากขึ้น เหมือนตอนที่เราปฏิบัติ พอลมหายใจหายหมด วางหมด ก็เหลือเปน จุดเล็ก ๆ บางคนก็จุดดํา ๆ บางคนก็จุดขาว ๆ ในที่วาง ๆ ตรงนั้นแหละ ก็จะมีอาการแวบ แวบ สมาธิดีขึ้น เริ่มจากแวบ ๆ เล็ก ๆ ตรงนั้น เราก็นิ่ง สังเกตอาการเกิดดับนั้นตอ ซึ่งนั่นหมายถึงวาอาการเกิดดับนี้เปนอาการ ของรูป เพียงแตเรารูสึกวามันเกิดอยูขางหนา พอจิตเราวาง จึงรูสึกวา อยูขางหนา ถาจิตเราไมวาง ยึดติดกับรูปอยางเดียว ยึดติดกับลมหายใจ อยางเดียว มันก็จะอยูตรงนี้ ก็จะเห็นแคเปนอาการของลมหายใจ พอมัน


































































































   160   161   162   163   164