Page 160 - มรรควิถี
P. 160
146
สุดอาการ นั่นคือวิธีกําหนดความปวด เอาความปวดมาเปนอารมณ อีกอยางหนึ่ง.. เมื่อเราแยกรูปนามได ถาสามารถแยกรูปนามได เห็นความรูสึกกับความปวดแยกจากกันได หรือเราสามารถเพิ่มพลัง เพิ่ม ความสุข ความออนโยน หรือดึงพลังจากธรรมชาติได ดึงพลังจากเวทนา ได ทานแมครูเคยสอนนะ เวลาปวดมาก ๆ ไมไหว ใหใชแบบนี้ ใหจิตตั้ง อยูขางหนา ขางหนาเวทนา แลวดึงพลังจากเวทนา เพราะวาทุกครั้งที่มีเวทนา แกกลา จิตเราจะตองนิ่งมากขึ้น นิ่งมากขึ้น ตื่นตัวขึ้น ตรงที่นิ่งมากขึ้นนั่น แหละคือกําลังของสมาธิ ยิ่งนิ่งเทาไหร เรายิ่งตองใชกําลังมากขึ้น ถาเอา กําลังนั้นมาเปนพลังของเรา ดึงพลังจากเวทนา พอดึงพลังจากเวทนา ก็จะ เห็นเวทนามีการเปลี่ยนแปลงดวย จิตเราก็จะรูสึกมีกําลังมากขึ้น ตั้งมั่นขึ้น ตรงนี้ใชได เอามาใชประโยชน สําคัญวาตองรูจักพิจารณานะ สามารถเอา
มาใชกับชีวิตเราไดจริง ๆ
อยางเชนจิตที่วาง จิตที่เบา จิตที่สงบ หรือจิตที่สุข เราจะเอามาใช
กับอะไรไดบาง ? ตรงนี้ตองถามตัวเอง ถามาใชกับสิ่งนี้เปนยังไง ? เวลา ฟงเสียง เราใชจิตที่วางไปฟงเสียง รูสึกเปนยังไง ? ไดไหม ? เวลาเราเดิน สามารถใหจิตที่วางกวางกวาตัว แลวเดินเขาไปในความวางไดหรือเปลา ? ขณะที่เราทํางาน ใชจิตที่วาง กวางกวาตัว แลวทําอยูในความวางไดหรือ เปลา ? ที่จริงมันเปนขั้นตอนอยางหนึ่ง ขั้นตอนอยางหนึ่งของการ ปฏิบัติที่เราเรียกวาการกําหนดอิริยาบถยอย ที่จริงที่บอกใหการกําหนด อิริยาบถยอยวา ขณะที่เดิน ขณะทหี่ ยิบจับ เคลื่อนไหว พูด หรือทําอะไร ก็ตาม การที่เราจะกําหนดทันอิริยาบถยอยก็ตอเม่ือจิตเรากวางกวาตัว พอจิตเรากวางกวาตัว หรือกวางเทากับทัศนวิสัยเทากับสายตาที่เรามองเห็น ลองดูนะ.. อยางเชนเรามองเนี่ย ขณะที่สายตาเรากวางแคไหน ใหจิต ที่วางกวางเทานั้น เหมือนใหจิตที่วางทําหนาที่รับรู พอเราหันไปดานซาย ความวางก็ไปดวย ไมใชอยูแคขางหนาอยางเดียว บางทีเราเอาความรูสึก