Page 19 - มรรควิถี
P. 19
เกิดจากเราไมไดยึดหลักเดิมเอาไว พออารมณจรเขามาเราก็ทิ้งหลักเกา ไปรูอยูกับอารมณจรทั้งหมด ไมอาศัยหลักเดิม ไมใชหลักเดิมกําหนด หลักเดิมในที่นี้ก็คือ กําลังที่ใชในการกําหนด แตละคนจะใหไมเหมือนกัน ขึ้นอยูกับสภาวะของแตละคน อาจารยบอกวา ใหเราใชกําลังตัวนี้เปนตัว ดูนะ ขณะที่ใชกําลังตัวนี้เปนตัวดู พลังจะกวาง อารมณจรเขามาก็จะรู ทันที แตถาเราทิ้งหลักเดิมคือกําลัง แลวไปดูอารมณจรวาเปนอยางไร ? ตรงนี้แหละ แทนที่เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเห็นความแตกตางของ กําลัง เราก็ไมเห็น เราไปเห็นอยางอื่น เห็นแตรูปไมเห็นนาม
เมื่อจิตมีกําลังมากขึ้นเราก็รูวากําลังมากขึ้น แตความรูสึกกับ กําลังกลายเปนคนละสวน เมื่อเปนคนละสวน การปฏิบัติจึงชา พอ อารมณใหมเกิดขึ้นมาเอาความรูสึกไปดู ทิ้งกําลังไวขางหลัง ทําไม ถึงเปนอยางนั้น ? ก็เพราะวาความรูสึกกับพลังอันนั้นไมไดกลืนเปน อันเดียวกัน จะตองใหความรูสึกกับพลังกลืนเปนอันเดียวกัน สภาวะ ตาง ๆ จึงจะชัดเจน จะไมมีอาการออนกําลัง หรือขาดสติ เพราะยิ่งดูก็ยิ่ง มีความตื่นตัว ขณะที่จิตมีความตื่นตัว นั่นแหละจิตเรามีกําลังแลว แตถา เรายิ่งดูแลวยิ่งเคลิ้ม ยิ่งเพลิดเพลินกับอารมณที่เกิดขึ้น ไมนานหรอก ไมเกิน ๓๐ นาที เดี๋ยวก็หลับ เดี๋ยวก็เผลอ ลงมือปฏิบัติใหม ๆ จิตเราก็ มีกําลัง พอปฏิบัติไปหมดกําลัง เพราะเราไมไดดูกําลัง เราดูที่สภาวะอยาง เดียว สภาวะกับกําลังจะตองรูพรอมกันตลอดเวลา พระไตรลักษณจึง จะชัดเจน ยิ่งดูมากเทาไหร การปฏิบัติของเราก็จะยิ่งกาวหนาเทานั้น
เวลาเลาอารมณ เราบอกวาเห็นตลอด มีอาการเกิดดับชัดเจนขึ้น ๆ แลวตัวมุงมีการเปลี่ยนแปลงหรือเปลา ? ตรงนี้ ถาเรารูกวางมีตัวสังเกต เราจะเห็นทันทีวาเปลี่ยนแปลง แลวเปลี่ยนอยางไร ? อันนี้ตองหาคําตอบ เอาเอง เดี๋ยวอาจารยเลาหมดจะเอามาเลาใหอาจารยฟงอีก จับคําพูด ของอาจารย มาเลาวาเปนอยางนี้ ๆ เวลาพูด ๆ ถูกหมดแตความรูสึก
5