Page 196 - มรรควิถี
P. 196

182
อยางนี้ ลองดูนะ ขณะที่เห็นวาเปนคนละสวนทุกครั้ง ๆ จิตใจรูสึกเปนไง ? เบามากขึ้น ? ความวางชัดขึ้นหรือเปลา ? โลงมากขึ้นไหม ? สังเกตแบบนี้ ถาเราสังเกตจิตเราแบบนี้ดวย เขาเรียกวาเห็นความเปนคนละสวนระหวาง จิตกับอารมณที่เกิดขึ้น ไมวาจะเกิดทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทาง กาย ทางใจ เวลาเราทานอาหาร เกิดรสชาติ มีรสชาติเปรี้ยวหวานมันเค็ม เกิดขึ้น เราก็รูวาความเปรี้ยวกับจิตเราเปนสวนเดียวกันหรือคนละสวน ความหวานกับจิตเราเปนสวนเดียวกันหรือคนละสวน ถาสังเกตใหดีกวานั้น อีกก็คือกวาเมื่อเจอรสชาติที่เราเคยชอบ เมื่อเห็นวาจิตกับรสชาตินั้น เปนคนละสวนกัน ความชอบนั้นยังมีอยูหรือเปลา ? ความพอใจยังมีอยู หรือเปลา ? หรือวาแครูวาอรอยแลวก็จบไป ? ตรงนี้เปนการรูชัดในสิ่งที่ เกิดขึ้น
ถากําหนดไดอยางนี้ก็จะรูวาทุก ๆ อาการที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา รอบ ๆ ตัว ก็จะตั้งอยูบนความวางเบา ขณะนั้นจะไมมีตัวตน ความวางของ จิตก็จะตั้งอยูไดนาน อันนี้อยูที่ความพอใจหรือตัวฉันทะ เขาเรียกตัวฉันทะ พอใจ พอใจที่จะกําหนดรูในลักษณะอยางนี้ ลองดูนะ ลองพิจารณา อยางนี้ทุก ๆ เรื่อง สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราทํา สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่ไดยิน ทุก ๆ อาการที่เกิดขึ้น ถากําหนดรูอยางนี้จะสนุก แลวก็จะเปนสิ่งที่รูกวาง เห็น ความเปนคนละสวนอยางชัดเจน เขาเรียกนามรูปปริจเฉทญาณ เห็นความ เปนคนละสวนของรูปนามอยางชัดเจน เห็นความเปนคนละสวน ปญญา รู ถึงความเปนคนละสวนของกายกับใจ รูปกับนาม กับอารมณตาง ๆ ที่เกิด ขึ้น ตัวนี้นามรูปปริจเฉทญาณ ถาเห็นอยางนี้จะกวาง ตอไปก็จะรูวาสิ่ง ตาง ๆ ที่เกิดขึ้น ทุก ๆ อยางเขามีเหตุปจจัยของเขา มีเหตุปจจัยถึงเกิด ไมวาสิ่งดีหรือไมดีที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา อาศัยเหตุอาศัยปจจัยทั้งนั้น ไมมีอะไรอยู ๆ ก็เกิด ไมมีอะไรเกิดขึ้นจากไมมีเหตุไมมีผล อยูที่วาเกิด จากเหตุอะไร พิจารณาอยางนี้ แลวจิตเราจะวาง วาง วาง เห็นความวาง


































































































   194   195   196   197   198