Page 216 - มรรควิถี
P. 216
202
แปลงเกิดดับตลอดเวลา ทําใหเราคลายจากอุปาทานสิ่งทั้งหลายทั้งปวง อุปาทานคือการยึดติดในอารมณอันนั้น ๆ ยึดมั่นถือมั่นในความเปนจริง ของอารมณอันนั้น ๆ
อารมณหลัก ๆ เลยที่เราควรคลายหรือควรปลอยวางไมยึดติดคือ ขันธ ๕ : รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ พูดมาหลายรอบแลวนะ จํากันไดหมดแลว ขันธ ๕ ขณะใหญก็คือรางกาย ตรงนี้ที่เรานั่งอยู มีรูป นามขันธ ๕ แตขันธ ๕ ขณะเล็กที่เราพิจารณาที่เรากําหนดก็คือชีวิตใหม เกิดใหม ทุก ๆ ขณะที่เราเห็นอาการเกิดดับ รูปกับนามเกิดดับพรอมกัน เหมือนเราเห็นชีวิตใหมเกิดขึ้น อยางที่เคยบอกแลววาถาเราอยากเห็นชัด ๆ เห็นวาเปนชีวิตใหมจริง ๆ รูวาเราเกิดใหมเปนชีวิตใหมจริง ๆ ไมใชแค อาการเกิดดับ เห็นอาการเกิดดับ แวบแลวก็หาย แวบแลวก็หาย ตองเห็น ดวยวาเปนชีวิตใหม เปนคนใหม เปนจิตดวงใหมที่เกิดขึ้นพรอมกับรูป
อยางเชนเสียงที่ไดยิน เสียงที่ไดยินจัดเปนรูป จิตที่ทําหนาที่รูเปน นาม เพราะฉะนั้นการที่จะเห็นรูปนามดับพรอมกัน รูปกับนามตองอยูที่ เดียวกัน ถาอยูคนละที่ เราเปนเพียงผูดู เราจะไมเห็นนามดับ เพราะ คําวาเราเปนผูดู ผูดูนั้นแหละคือนาม ความรูสึก หรือจิตที่ทําหนาที่ดู ถึง แมอาการเกิดดับจะเกิดดับในลักษณะยังไงก็ตาม แตก็ยังมีผูดู เพราะฉะนั้น การที่จะกําหนดรูชัด เมื่อไหรที่รูวาเปนผูดู เมื่อไหรที่เรากําหนดอาการ เกิดดับของสภาวะหรืออารมณตาง ๆ ที่เกิดขึ้น เมื่อไหรที่รูสึกวามีผูดู ใหดับผูดู ใหดูที่อาการ
มีขอสังเกตนิดหนึ่งนะ อันนี้ก็คือการกําหนดสภาวะ หลาย ๆ ครั้ง นักปฏิบัติจะแยกไมชัด ถาเมื่อไหรที่เราปฏิบัติ กําหนดรูอาการเกิดดับ ไมวาจะเปนอาการเกิดดับของรูป อาการเกิดดับของเวทนา เปนอาการ เกิดดับของความคิดที่เกิดขึ้น ขณะที่กําหนดอยูนั้น อารมณเหลานั้น เกิดดับ เราเห็นอาการเกิดดับของอารมณที่เกิดขึ้นนั้นสม่ําเสมอ เทาเดิม