Page 30 - มรรควิถี
P. 30
16
ใหเราสังเกตเมื่อเปนรูปรปูนี้มีตัวตนหรือเปลา?วิธีพิจารณาขันธ๕ ใหเห็นความเปนอนัตตา ก็คือ การแยกรูปแยกนาม ใหเราเอาความรูสึก ออกมานอกตัว ออกมาขางนอก แลวลองพิจารณาดูวาความรูสึกกับรูป ที่นั่งอยู เปนสวนเดียวกันหรือคนละสวน ถาเราเห็นเปนคนละสวน ทีนี้ พิจารณาขันธที่เปนรูป เรียกรูปขันธ ความรูสึกเปนนามขันธ เปนคนละ สวนหรือสวนเดียวกัน ลองพิจารณาดวยการใชความรูสึกที่วาง พิจารณา เวทนาที่เกิดขึ้นกับรูปอันนี้ ลองดูนะ พิจารณาดูวาเปนสวนเดียวกันหรือ คนละสวน ?
กายสังขาร(รูป) จิตสังขาร(นาม) จิตที่วางกับกายเปนสวนเดียวกัน หรือคนละสวน ? พิจารณาอยางนี้แลว วิญญาณคือใจรู กับกาย เราก็เห็น อยูแลววาเปนคนละสวน วิญญาณ(ใจรู) ก็เปนคนละสวนกับรูป ทีนี้ เราลองพิจารณาตอ เมื่อเราพิจารณาเห็นสภาพความเปนคนละสวน อยางนี้ สภาพจิตเราเปนอยางไร ? ใหผลกับจิตอยางไร ? ขณะที่เราเห็น เปนคนละสวนจิตรูสึกวาง เบา อิสระ หรือวาเปนอยางไร ? ถาจิตวาง เบา ใหพิจารณาเขาไปในจิตที่วางเบา เรียกวาดูจิตในจิต พอพิจารณาเขาไป ในจิตที่วางเบา แลวเรารูสึกอยางไร ? ในจิตที่วางเบานั้นเปนที่อาศัยของ อกุศลไดหรือเปลา ? จิตที่วางเบาบอกวาเปนใครหรือเปลา ? แลวขณะที่ ไมบอกวาเปนใคร เรารูสึกอยางไรกับสภาวธรรมที่เกิดขึ้น ?
ถาพิจารณาอยางเขาใจเราจะเห็นวาขันธ ๕ นี้เปนของวางเปลายึด ถือไมได ยึดไมไดเลย ทําไมถึงยึดไมได ? วิธีสังเกตวิธีพิจารณาก็คือ ขณะที่จิตวางเราใชจิตที่วางนี้ ไปพิจารณาแตละสวนของรางกายของ รูป เมื่อเอาจิตที่วางกําหนดรู รูสวนไหนของรางกายก็ตาม ลองพิจารณาดู สวนนั้นมีรูปรางหรือวางไป หายไป สลายไป ดับไป ถาหายไป ดับไป สลายไป น่ันคือความไมเท่ียงของรูป ใหเราทําซ้ํา ๆ ปฏิบัติซ้ํา ๆ ท่ีมือ ที่แขน ที่ตัว สวนไหนก็ตามของรางกาย ที่เรารูสึกวามีเวทนาหรือรูสึกวา

