Page 303 - มรรควิถี
P. 303
กระสาย ตรงนี้แหละเขาเรียก กลายเปนความฟุงซานจริง ๆ ตอนแรกเปน แคสัญญา ตอมากลายเปนความฟุงซานเพราะไมไดดั่งใจ แตถาเราดับ ความรูสึกวาเปนเรา แลวพอใจที่จะรูอาการเกิดดับของเขา ความฟุงซาน ไมเกิดขึ้น เพราะความรําคาญใจไมเกิดขึ้น มีแตสติตามกําหนดรูการ เกิดขึ้น ตั้งอยู ดับไปของความคิดเทานั้น
ถาสังเกตอยางนี้เราจะเห็นวา แมแตจิตที่ทําหนาที่รูก็จะเริ่มสงบขึ้น นิ่งขึ้น แตจะใหเร็วขึ้นอีก ใหสงบเร็วขึ้นอีก ก็คือใหจิตเรากวางกวาเรื่อง ที่คิด กลับมาตรงนี้อีก เพราะเมื่อไหรจิตเรากวาง ความมีตัวตนจะลดลง หรือหายไปทันที จะเหลือแตจิต และสติจะมีกําลัง เมื่อสติมีกําลัง สมาธิ ก็จะมีกําลังขึ้นดวย มันก็เลยกลายเปนความสงบและตื่นตัว มีสติรับรู อารมณ แมมีความคิดเหลานั้นเกิดขึ้นก็ตาม ถาแยกอยางนี้ ความคิดที่เกิด ขึ้นก็ไมทําใหจิตเราเศราหมอง เมื่อจิตเราไมเศราหมอง เขาเรียกวาอะไร ? ความคิดก็สักแตวาความคิด ไมสามารถทําใหกิเลสเกิดกับจิตเราได
เมื่อกิเลสไมเกิดแลวทําไมเราตองกังวล ? ไมใชวาความคิดไมเกิด ความคิดเกิด แตไมมีกิเลสเขาไปรับรู มีแตสติกับจิตที่วางทําหนาที่รับรู เรา ก็ไมตองกังวล เมื่อไมกังวล มันก็ไมเครียด มันก็จะจบไปเอง มันก็จะกลาย เปนความคิดที่ตั้งอยูบนความเบา เขาเรียกวา สักแตวาสัญญา สักแตวา สัญญา สังขารก็สักแตวาสังขาร ไมใช สัตว บุคคล ตัวตน เรา เขา ขันธ ก็สักแตวาเปนขันธเทานั้นเอง ไมใชเรา ไมใชเขา เปนคนละสวนกัน การ เปลี่ยนแปลงของขันธนั้นไมสามารถทําใหจิตเราเศราหมอง หรือเปนทุกข ได นั่นนะ.. เราหลุดพนจากวงจรของความคิด หลุดพน ความคิดนั้นไม ทําใหเราทุกขได แสดงวาหลุดพนออกมาชั่วขณะหนึ่ง ๆ ไมยากใชไหม ? ปฏิบัติธรรมเปนสิ่งที่เราทําไดอยูแลว ไมยากหรอก ขอใหรูวิธี ใหเขาใจ นิดหนึ่ง
พอเราไมเขาใจ เราก็จะไปหาอยูนั่นแหละ จะหาอะไร ? พอปฏิบัติ
289