Page 350 - มรรควิถี
P. 350

336
ก็เหมือนสมัยกอนที่พระองคยังไมไดออกบวช พระเจาสุทโธทนะก็ พยายามหาคนมาปรนเปรอปรนนิบัติอยางดี เพื่อใหพระพุทธเจาติดในสุขนั้น แมพระเจาสุทโธทนะเองก็พยายามที่จะดูแลตัวเองไมใหแก เผื่อวาจะไดไมให พระพุทธเจาเบื่อ คือจะใหคนมาคอยยอมผม ทําเล็บ ทําผิวอะไรอยางนี้ เหมือนสมัยนี้แหละที่เราทํากัน กลัวแก ใหเขาดูแลจนเปนหนุมตลอดเวลา แลวคนที่เขาไปปรนนิบัติพระพุทธเจา ก็ตองคัดเลือกแตคนที่เปนวัยรุน หามแก แกเมื่อไหรก็คัดออก ๆ เหลือแตคนหนุมอยางเดียว เพื่อใหติดใน ความสุขนั้น
แตก็มีเหตุใหพระองคเสด็จประพาสอุทยาน แลวก็ไปเห็นคนแก คนเจ็บ คนตาย แลวก็เห็นนักบวช ทานก็เลยหันกลับมาถามนายฉันนะวา แลวอนาคตพระองคจะมีอาการอยางนี้ไหม ตองแก ตองเจ็บ ตองตายไหม ไดคําตอบวาทุกคนก็มีลักษณะอยางนี้แหละ จึงเสด็จออกบวชเพื่อที่แสวง หาทางหลุดพน ไมตองเวียนวายตายเกิด ไมตองเจอกับความเกิด ความ แก ความเจ็บ ความตาย
เพราะฉะนั้นการปรนเปรอตัวเองมาก ๆ ดวยสิ่งตาง ๆ รอบตัวเราที่ อยากไดมา เพื่อที่จะใหพนจากทุกข นั่นก็ไมใชทางที่จะหลุดพนจากทุกขได จึงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตร เรื่องความเปนไปแหงธรรมทั้งหลาย จน พระอัญญาโกณทัญญะไดดวงตาเห็นธรรม แสดงถึงความเปนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไมเที่ยง ธรรมชาติของรูปนามมีความเปนไปตามเหตุ ตามปจจัย สิ่งใดเกิดขึ้นเปนธรรมดา สิ่งใดสิ่งนั้นก็มีความดับเปนธรรมดา ก็คือเรื่องความเปนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ดูวารูปเกิดขึ้นแลวมีไหมไมดับ ? รูปนามอันนี้ รูป เขาเรียกรางกาย รูปภายใน.. รางกายเราเกิดขึ้น แลวก็ดับไป เวทนาเกิดขึ้น แลวก็ดับไป เวทนา..ทั้งทุกขเวทนา ทั้งสุขเวทนา ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับคนเรา ไม ใชเฉพาะทุกขเวทนา ในความหมายนี้หมายถึงวา เวทนาของขันธ ๕ เวทนา


































































































   348   349   350   351   352