Page 50 - มรรควิถี
P. 50

36
ของทุกขเวทนา เกิดอาการเบื่ออยากฆาตัวตาย คิดวาเพราะมีรางกายถึง ทุกข บางคนคิดวาเพราะมีจิต ก็พยายามทําใหจิตนี้ดับไป ดวยการไม ใสใจในทุกสิ่งทุกอยาง เพราะมีจิตไปรับรูรางกาย รูถึงการเจ็บปวดของ รางกาย ความทุกขจึงเกิดข้ึน บุคคลที่ไมฆาตัวตาย รูวารูปนเี้ ปนที่อาศัย ของความทุกข เปนเหตุแหงทุกข ก็ปฏิบัติจนถึงอรูปฌาน พยายามที่จะ ยึดเอาอรูปฌานเปนที่อยู เปนที่อาศัย ยึดภพภูมิอันนั้นอีก พระพุทธเจา ตรัสรูแลวทรงสอนวารูปนามขันธ ๕ นี้ ไมควรเขาไปยึด เพราะทําใหตอง เวียนวายตายเกิด
ฉะนั้นการที่จะไมยึดอยางสิ้นเชิง ก็ตองเริ่มจากการกําหนดรูตาม ความเปนจริงวา รูปนามขันธ ๕ นไี้ มมีตัวตน ไมมีเรา ไมมีเขา เกิดขึ้น ตั้งอยู ดับไป เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ ถาปฏิเสธขันธ ๕ เพราะวามีสัญญา จึงทุกข ปฏิเสธไมได ตองมี ตองเกิด ถาปฏิเสธเมื่อไหร ก็ทุกขอีก เพราะนี่คือธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาแลว ถาสัญญาไมดีเปนคนขี้หลงขี้ลืม เปนไง ? ทุกขอีก ถาดับสัญญาก็จะจําอะไรไมไดเลย ถาดับสังขารก็ขาด การวิเคราะห ขาดการปรุงแตง ขาดการคิดสรางสรรค ก็ไมเกิดประโยชน อีก ถาไมมีเวทนาก็อยางที่บอก ถาไมมีเวทนาเลยเปนเรื่องยาก เพราะ ไมใชตนไม ไมใชภูเขา เพราะเรามีเลือดเนื้อ มีจิต มีขันธ ๕ เมื่อมีจิตก็ ตองรับรูถึงเวทนา
เพราะฉะนั้นเมื่อตองการปลอยวาง จึงตองอาศัยขันธ ๕ มาเปน อารมณในการเจริญสติ เพื่อการละกิเลสอยางสิ้นเชิง เพื่อมรรค ผล นิพพาน อยางเชนเวลานั่งสมาธิ แลวคิดเรื่องโนนเรื่องนี้เกิดขึ้น ก็อาศัยความคิดนั่น มาเปนอารมณกรรมฐาน กําหนดรูวาความคิดที่เกิดขึ้นนั้น เกิดแลวหมดไป หรือไม ? เกิดแลวหมดอยางไร ? ตองมีเจตนาที่จะรูวาความคิดนั้นเกิด แลวดับอยางไร ? อันนี้สําคัญ ถาเจตนาที่จะรูวาความคิดเกิดขึ้นแลว จะไปถึงไหน ? เราก็จะคิดตอไปเรื่อย ๆ เพราะความคิดไมมีที่สิ้นสุด


































































































   48   49   50   51   52