Page 51 - มรรควิถี
P. 51

อาศัยอดีตแลวก็ปรุงแตงตอไปขางหนา อยางนั้นดี อยางนี้ดี นั่นคือ ความฝน แลวก็ลองลอยคิดไปอยางไมมีสติกําหนดรู
เพราะฉะนั้นการทําอะไรก็ตาม ถาเราตั้งเจตนาใหชัด ยิ่งเรามีบรรทัดฐาน ยึดตามคําสอนของพระพุทธเจาที่พระองคทรงบอกวา ทุกอยางไม เที่ยง เปนทุกข เปนอนัตตา มาเปนบรรทัดฐาน จะดับทุกขไดก็ตองตั้ง อยูบนหลักอันนี้ เวลากําหนดอารมณ ตองมีเจตนากําหนดรูวา ที่วาธรรม ทั้งหลายทั้งปวงไมเที่ยง เปนทุกข เปนอนัตตา เปนอยางไร ? ที่เรียกวา ความคิดไมเที่ยงเปนอยางไร ? ความทุกขไมเที่ยง เปนอยางไร ? นี่คือ สิ่งที่ตองสังเกต เกิดแลวดับอยา งไร ? เวลาดับใจดับไปดวยหรือเปลา ?
พิจารณาอยางนี้จะไมวางจากอารมณกรรมฐาน จะมีอารมณให กําหนดตลอดเวลา เพราะมีเจตนาที่ชัดเจน นี่คือสิ่งสําคัญ นี่แคแยกรูป นามเบื้องตน เมื่อเราเจอบุคคลที่สนใจในธรรมะ ตองการที่จะเขาถึงหรือ สัมผัสรสพระธรรมของพระพุทธเจา เราสามารถอธิบายไดบอกไดถึงวิธี พิจารณา ถึงวิธีการปฏิบัติ แลวก็จะเห็นผลอยางชัดเจน เห็นผลไดและ พิสูจนได
สังเกตดูวาเมื่อไหรที่ไมมีตัวตนจิตจะวางเบา เมื่อจิตวางเบาสิ่งที่ เคยทุกขสิ่งที่เคยไมพอใจก็ปลอยวาง การใหอภัยก็เกิดขึ้น เมื่อจิตวาง กวาง วิสัยทัศนก็กวางดวย เพราะอะไร ? การมองดวยความไมมีตัวตน เราจะมองไดรอบ ไดกวาง และคิดไดไกล นี่สิ่งที่ควรพิจารณา แตถาเรา รูแควารูสึกกวาง โลง เบา สุข อึดอัด ทุกข ยังรูแคบอยู ถาเราพิจารณา ออกไปใหกวาง เราก็จะเห็น และเขาใจอะไรไดกวาง เพราะอะไร ? เพราะ สติเรามีกําลัง เพราะจิตเราวางไมมีตัวตน ความรูความเขาใจหรือปญญา ก็จะเกิดขึ้นไดงาย
สําคัญมาก ๆ คือการมีเหตุมีผล การที่เราจะรูถึงเหตุ ผล หรือรูตน จิตได จิตจะตองกวางกวารูป ฝากอีกอยางหนึ่ง สิ่งที่เราควรจะรูใหมากคือ
37


































































































   49   50   51   52   53