Page 82 - มรรควิถี
P. 82

68
ไดพนจากความทุกข ใหพบกับสันติสุขของชีวิต เปนศาสนาที่ใหอิสระ ไมมีการบังคับแตมีกรอบชัดเจนวา ถาตองการความเจริญในธรรมกรอบ เปนอยางนี้นะ อันไหนใหโทษจะไมชี้ทางให ถาตองการหลุดพนทําอยางนี้ พระองคทรงแสดงความจริงใหประจักษ พระองคสิ้นสุดแลวไมมีแลวที่ จะทําบาป ไมมีความรูสึกที่จะเบียดเบียนแลว เพราะอะไร เพราะกิเลส ความโกรธไมมีแลว จึงไมมีตัวกระตุนใหทําบาปอีก
คําวาเอาจิตออกนอกรูป(ตัว) กับปลอยจิตใหเลื่อนลอยตางกัน ขณะที่เอาความรูสึกออกนอกตัวแลวจับที่ความรูสึกที่อยูนอกตัวอีกทีหนึ่ง ตรงนี้เปนการเอาจิตออกนอกตัวอยางมีสติสัมปชัญญะ เพราะมีจิตอีกดวง (สติ) ทําหนาที่ดูอีกทีหนึ่ง หมายถึงวาเอาจิตออกมาตั้งไวขางหนาแลวจับ ที่จิตที่อยูขางหนา แลวสังเกตจิตที่อยูขางหนาวาเปนอยางไร มีอาการอยาไร ซึ่งตางกับการปลอยจิตออกนอกตัวไปเรื่อย ๆ การปลอยจิตออกนอกตัวไป เรื่อย ๆ นั้น จะไมเห็นการเปลี่ยนแปลง จะเห็นทุกสิ่งทุกอยางเปนอันหนึ่ง อันเดียวกันไปหมด ซึ่งตางกับการปลอยจิตออกนอกตัวอยางมีสติ จิตที่มี สติคอยควบคุมจะไมเล่ือนลอย จะสังเกตเห็นการทํางานของจิตไดสติตอง ใสและคม ขณะที่จิตอยูนอกตัว(ไมมีตัวตน) จะเห็นวาจิตนั้นมีอาการเบา อาการโลงวาง เมื่อจิตวางจากอุปาทานอาการตื่นตัวของจิตจึงเกิดขึ้น เพราะ เหตุนี้สติสัมปชัญญะจึงดีมาก ๆ นี่เปนการดูจิตในจิตจึงไมใชปลอยให จิตเลื่อนลอย จิตที่คลายอุปาทานสามารถเห็นจิตของตัวเองได ใชงานไดจึง ไมธรรมดา คนที่ไมเคยปฏิบัติก็จะเขาใจผิดเกิดอาการกลัว กลัววาเมื่อจิต ออกนอกตัวแลวจะกลับไมไดกลัวจิตหลุดไปเลย จิตที่มีสติคอยดูแลรักษา จะไมหลุดลอย จิตที่หลุดลอยเกิดจากขาดสติหรือสติออน จริง ๆ พอตกใจ ปุบสติก็มาที่ตัวแลว มีใครบางพอตกใจแลวจิตไปอยูที่อื่น ถาอยูที่อื่น จะไมรูถึงอาการตกใจ วันนี้พอกอนนะ ขอใหมีแตความสุขความเจริญ
เรียบเรียงโดย ทานแมครูนราวรรณ กุลธรชุติภาส


































































































   80   81   82   83   84