Page 80 - มรรควิถี
P. 80
66
มันเกิดขึ้นแลวก็ตองดับ เราก็จะอยูกับอารมณปจจุบันอยางเดียว เมื่อ อยูกับปจจุบันก็จะไมมีการปรุงแตง เห็นแตธรรมชาติของจิตที่คิดเกิด ขึ้นมาแลวก็ดับ เกิดขึ้นมาแลวก็ดับ ไมมีตัวเราเขาไปเกี่ยวของกับ ความคิดนั้น เมื่อไมถูกปรุงแตงดวยกิเลสจิตก็ไมเศราหมอง ถาถูกกิเลส ปรุงแตงเมื่อไรจิตเศราหมองก็เกิด แตถาเรารูวาความคิดไมดีเกิดขึ้น รูแลวรีบเอาสติเขาไปดับเดี๋ยวก็หยุด
ธรรมะในแตละขณะถาเขาถึงแลวจะทําใหสภาพจิตเปลี่ยน สภาวะเปลี่ยน รูปเปลี่ยน อาการเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น สภาวะที่เกิดขึ้น จะเปนตัวบอกวากําหนดไดปจจุบันมั้ย เขาถึงสภาวะนั้นจริงมั้ย กําหนด ไลตามสภาวะแลวมีแตอาการหายไป ๆ ไมดับ ที่ไมดับนั้นเกิดจาก ตัวไล(สติ)ไมดับ ใหจับตัวความรูสึก(สติ)เอง เพราะความรูสึกเปนตัวไล ใหสังเกตวาขณะแรกหายอยางนี้ ขณะตอไปหายอยางไร ไมใชรูแควา หายอยางเดียว ใหเพิ่มความนิ่งความสงบใหมากขึ้น ถาเราเพิ่มความนิ่ง (สมาธิ)ใหมากขึ้น อาการตาง ๆ จะปรากฏชัดขึ้นมาไมตองไปหา เมื่อความ รูสึกเขาถึงอาการ อาการดับความรูสึกดับ ดบั พรอมกับอาการ ตองสังเกต วาดับในลักษณะอยางไร ตอไปสภาวะก็จะชัด ถาเราไปหา ๆ ยังไงก็ไมทัน เพราะขณะที่เราหาความรูสึกก็จะแยกออกมาทันที ความรูสึกแยกออกปุบ ความรูสึกก็เปนตัวเพงอาการทันที เพราะฉะนั้นถาอยากเห็นตองเขา ไปเกาะติดอารมณอยางเดียว เขาไปที่อาการอยางเดียว ถามีอาการ สะดุดเบา ๆ ก็ใหสังเกตอาการสะดุดเบา ๆ นั้นอีก อาการสะดุดเบา ๆ นั้นรูสึกชัดหรือไมชัด ความรูสึกดับหรือเปลา ตองสังเกตอยางนี้ไมใช ไปจองใหมันชัด ใหสังเกตแลวจะชัดขึ้นเอง ไปบังคับใหชัดไมได สิ่งเหลานี้บังคับบัญชาไมได ขึ้นอยูกับเหตุปจจัยที่ทําใหชัด ก็คือสติ และสมาธิของเรามีกําลังแคไหน วิธีสังเกตพอเรานิ่งสมาธิเพิ่มขึ้น สติเพิ่มขึ้น ความตื่นตัวมากขึ้น เมื่อทุกอยางมีกําลังสภาวะก็จะชัดขึ้นเอง