Page 84 - มรรควิถี
P. 84

70
และใจของเราใหสงบ เพื่อเกิดกุศล แตบูชาอีกอยางหนึ่งที่พระพุทธเจาทรง สรรเสริญอยางมากก็คือ การปฏิบัติบูชา การปฏบิ ตั บิ ชู านั้นปฏิบัติอยางไร การปฏิบัติบูชาก็คือการกระทําความดี ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ และสวนหนึ่งเปนการปฏิบัติที่เราปฏิบัติตอบุคคลรอบขาง บุคคลที่เกี่ยวของ ไมวาจะเปนการคิด การพูดจา การกระทําที่มีตอกัน ขอใหเปนคําพูด ความคิด หรือการกระทํานั้นออกมาดวยจิตที่เปนกุศล ดวยจิตที่ ปรารถนาดี มีความปรารถนาดีตอกัน มีความเมตตาตอกัน สังคมที่อยู ก็จะเกิดความสงบไปดวย เกิดความรูสึกเปนสุขดวย เกิดความรูสึก สบายใจ เบาใจ ไมตอง หวาดระแวง ไมตองอยูดวยความกังวล หวาดระแวง แตอยูดวยความมั่นใจมีความสุข เพราะอะไร เพราะแตละคนมีความ ปรารถนาดีตอกัน นี่คือคําสอนอยางหนึ่ง เพื่อที่คนเราอยูดวยกันอยาง
สันติ หรืออยางมีความสุข
อีกอยางหนึ่งซึ่งเปนสวนสําคัญมาก ๆ ที่จะพาใหผูปฏิบัติตามคําสอน
ของพระพุทธเจา ไดหลุดพนจากความทุกข ก็คือการปฏิบัติกรรมฐาน หรือ วิปสสนากรรมฐาน เปนการเร่ิมตนเพื่อเปาหมายสูงสุดคือ มรรค ผล นิพพาน ตรงนี้เปนสิ่งสําคัญที่สุด เพราะชีวิตของเรา เวียน วาย ตาย เกิด มาหลายภพชาติ หลายรอบ เราไมสามารถนับไดวาเราเกิดมาแลวกี่ภพ กี่ชาติ แตสิ่งหนึ่งที่เรารูก็คือวา เมื่อเราเกิดมาในโลกนี้แลว ชีวิตเราตอง ประสบกับสิ่งตาง ๆ มากมาย ทั้งการเห็น การไดยิน และการกระทํา ผลที่ ไดรับ มีทั้งทุกข ทั้งสุข สวนหนึ่งก็คือเกิดจากวิบากในอดีต อดีตที่เรา เคยสรางไวซึ่งไมสามารถกลับไปแกไขได อีกสวนหนึ่งก็คือ เกิดจากกรรม ที่เปนกรรมใหมที่เราทําในปจจุบัน กรรมใหมที่ทําในปจจุบัน กรรมบาง อยางถาเรามีสติ ก็จะทําใหกรรมหรือการกระทํานั้นเปนไปดวยปญญา มี เปนเหตุ เปนผล แตเมื่อไรที่สติมาไมทันหรือสติออน กรรมที่ทําลงไปก็ ทําดวยโมหะ ดวยอารมณ ดวยความโกรธ หรือดวยความโลภ เมื่อทําดวย


































































































   82   83   84   85   86