Page 85 - มรรควิถี
P. 85
กรรมอยางใดอยางหนึ่ง ผลที่จะสงผลในอนาคตก็เปนไปตามกรรมที่ ตัวเองทําในปจจุบัน กรรมในปจจุบันก็จะสงผลในอนาคต อนาคตที่พูดถึง นี้ไมไดจํากัดวา ชาติหนาอยางเดียว ชั่วโมงหนา วันขางหนา เดือนหนา ปหนา นั่นก็คืออนาคต
การกระทําใด ๆ ดวยกาย หรือวาจา หรือใจก็ตามในวันนี้ ถาการ กระทํานั้นมีกําลังมาก มีความเขมขน คือทําดวยความตั้งใจมาก ผลก็จะ สงผลเร็ว อาจจะสงผล วันนี้ พรุงนี้ มะรืนนี้ หรือวันตอไป แตถาการกระทํา ใด ๆ ความตั้งใจมีนอย มีเจตนาไมมาก ตัวมุงไมมาก ก็จะสงผลนอย สงผลชา ดังนั้นการปฏิบัติของเราก็เหมือนกัน เรามีเจตนาที่จะปฏิบัติ ขัดเกลาจิตตัวเอง เพื่อใหเกิดความสุข เพื่อดับทุกข เพื่อใหจิตเราวาง ถามีเจตนาที่ชัดเจนการดับทุกขก็จะทําไดงาย อยางการทําจิตใหวาง ดวยการแยกรูป-นาม เวลาเอาจิตออกมานอกตัว เราก็จะเห็นชัดวาเรา มีเจตนา พอจิตอยูนอกตัว สังเกตจิตที่อยูนอกตัววาเปนอยางไร ถาเรา มีเจตนาที่ชัดเจน ที่จะสังเกตจิตที่อยูนอกตัววาเปนอยางไร เราก็จะ รูสึกชัด แตถาไมมีเจตนาที่จะดูจิตที่อยูขางหนา ในที่วางที่อยูนอกตัวนั้น ความรูสึกหรือผลที่เกิดขึ้นก็จะไมชัดเจน กลายเปนเรื่องธรรมดา
วิธีดับทุกข การแยกรูป-นามใหนอมจิตไปขางหนา แลวสังเกตจิต ที่อยูขางหนาวารูสึกอยางไร นี่เปนเบื้องตน ถาเรานอมจิตออกไปขางหนา ไดแลว สังเกตจิตที่อยูขางหนาก็จะเห็นวา จิตที่อยูขางหนานั้น จะรูสึก วาง ๆ โลง ๆ เบา ๆ นี่เปนการแยกรูป-นามเบื้องตน ตอไปเมื่อจิตเรา วาง เบา แลว เราเอาความรูสึกหรือสติเขาไปในจิตที่เบา ไปดูจิตที่เบา ของตัวเอง พอเขาไปในจิตที่เบาจะเห็นวาจิตจะเบาขึ้น ความรูสึก จะเบาขึ้น โลงขึ้นตามลําดับ จิตที่เบาโลงขึ้นไดเพราะวา จิตไมมีความรูสึก ไปยึดวารูป-นามเปนอันเดียวกัน เห็นวาจิตหรือความรูสึก กับรูปหรือ กับรางกายเปนคนละสวนกัน เมื่อไรที่เห็นวากายกับใจเปนคนละสวน
71