Page 87 - มรรควิถี
P. 87

การปรุงแตง สัญญาคือความจํา จําเรื่องราวในอดีต สิ่งที่เราตองพิจารณา ตอ แลวความคิดที่เกิดขึ้น กับใจที่วางเปนสวนเดียวกันหรือคนละสวน นี่ คือการพิจารณาสภาวธรรม เมื่อพิจารณาเราก็จะเห็นวา ใจที่วาง ใจที่เบา กับเรื่องที่คิดปนคนละสวนกัน นี่คือธรรมชาติเราจะเห็นธรรมชาติของ รูป-นาม ของขันธ ๕ วา จริง ๆ แลวสิ่งเหลานี้เกิดขึ้นอาศัยเหตุปจจัย และไมไดเกิดขึ้นตลอดเวลา แลวอีกอยางหนึ่งก็คือไมไดเปนสวนเดียวกัน ตรงนี้คือปญญา ที่เราสามารถเห็นได ถึงธรรมชาติของรูป-นามวาเปน คนละสวนกัน เมื่อเห็นวาเรื่องที่คิดกับใจที่รูวาคิดเปนคนละสวนกัน เราก็จะเห็นวาใจที่ทําหนาที่รูถึงความคิดนั้นเปนใจที่เบา ใจที่สงบ ใจที่โลง และใจที่เบา ที่สงบนั้นก็ไมไดบอกวาเปนเรา มีแตความรูสึกหรือใจที่เบา ทําหนาที่รับรูอารมณเทานั้น ตรงนี้ถาเราเอาใจที่เบาอันนี้ไปรับรูสภาวะ ตาง ๆ ไปใชกับชีวิตประจําวัน รับรูอะไรดวยใจที่เบา ที่วาง ที่โลง และใจ ที่โลง วาง เบานั้น ใหกวางกวาสิ่งที่รับรู กวางกวารูปที่เห็น กวางกวาเสียง ที่ไดยิน กวางกวาความคิด กวางกวาตัว
เมื่อทําไดอยางนี้การรับรูอารมณตาง ๆ จะเปนไปดวยความรูสึก ที่ไมมีตัวตนเรียกวาอนัตตา อนัตตาในความหมาย หมายถึงความไมมี ตัวตน เมื่อไมมีตัวตน สภาวะที่เกิดขึ้น การเห็น การไดยิน ก็เปน ธรรมชาติของเหตุปจจัย ธรรมชาติที่กําลังเปนไปตามเหตุปจจัยเทานั้น จิตจะอิสระ ถามวาเมื่อจิตเราโลง วาง ไมมีตัวตน อารมณอกุศลจะ เกิดขึ้นไดมั้ย ขณะที่ไมมีตัวตนอารมณอกุศลหรือจิตที่เปนอกุศลจะ ไมเกิด แลวเราเห็นอกุศลของคนอื่นมั้ย การกระทําที่เปนอกุศลของ คนอื่นนั้น เห็น เห็นชัดดวย การกระทําที่เปนอกุศลของคนอื่น เราไม สามารถไปดับแทนได การปฏิบัติของเราก็คือ ดับความเปนอกุศลที่ เกิดขึ้นภายในจิตของตนเองเปนหลักพระพุทธเจาสอนใหขัดเกลาจิต ของเราเปนหลัก พัฒนาตัวเองเปนหลัก พัฒนาจิตของตนเองใหมีกําลัง
73


































































































   85   86   87   88   89