Page 178 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 178
486
ใครเห็นว่าความคิดขึ้นมา เกิดดับ ๆ ๆ ก็ตามรู้ความคิดนั้นจนหมดไป ใครเห็นว่าแสงข้างหน้า มีอาการเกิด ดับวุบวับ ๆ ๆ ๆ ต่อเนื่องไป ก็ตามรู้ให้จบ จนสิ้นสุดอาการนั้นไป ใครมีเวทนาเกิดขึ้นมา มีอาการตึง ๆ หาย ปวดหาย ตึงขึ้นมาหาย หรือมีอาการแปล๊บ ๆ หาย ก็ตามรู้ไป จนอาการนั้นสิ้นสุด จนหมดไป โดยไม่ เข้าไปยึดว่าเป็นตัวเรา ของเรา เอามาเป็นอารมณ์กรรมฐานเท่านั้นเอง
จะไม่ยึดว่าเป็นตัวเรา ของเรา เพราะอารมณ์เหล่านั้น เป็นธรรมชาติของขันธ์ ของร่างกาย ของสัตว์ โลก ของชีวิตที่เกิดบนโลกใบนี้ ย่อมแสดงอาการแบบนี้ เป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้าเราเห็นว่า อาการที่เกิด ขึ้นยากนักที่จะยึด ไม่สามารถที่จะยึดเป็นสรณะ เป็นของเที่ยง เป็นอมตะได้ ย่อมมีความเปลี่ยนแปลงไป ก็ปล่อยวาง คลาย ทาใจให้ว่าง สบาย คลายออกไป รู้ถึงการเกิดดับอย่างเดียว รับรู้ด้วยความรู้สึกที่พอใจ พอใจที่จะตามรู้ถึงอาการที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จนกว่าอาการเหล่านั้นสิ้นสุดลง แล้วเราก็มาพิจารณาดูใจ ของเราอีกทีหนึ่งว่า รู้สึกดีไหม รู้สึกดีอย่างไร
จากนี้ไป อาจารย์จะไม่ใช้เสียง ให้เราตั้งใจกัน...
กอ่ นแผเ่ มตตาทกุ ครงั้ ขอใหเ้ ราทา ใจใหว้ า่ ง หรอื ถา้ ใจวา่ งสงบอยแู่ ลว้ กใ็ หน้ อ้ มระลกึ นกึ ถงึ บญุ กศุ ล ที่เราได้ทา น้อมเข้ามาใส่ใจของเรา ใจที่สงบ ที่โล่ง ที่ว่าง น้อมบุญเข้ามาใส่ใจให้เต็ม เต็มบริเวณตัว บริเวณ หทยวัตถุ ให้เต็มทั้งตัวให้ล้นจากตัว ให้กว้างออกไป ให้ใจที่เป็นบุญนี้กว้างออกไป การน้อมระลึกนึกถึง บุญกุศลที่เราได้ทา เป็นการเพิ่มพลังบุญ ก่อนที่เราจะแผ่บุญแผ่เมตตาให้ผู้อื่น แล้วก็ให้เราทาให้เกิดขึ้น ให้มีขึ้น ในใจเรา เราถึงจะมีบุญแผ่ให้กับผู้อื่นได้
เพราะฉะนั้นเมื่อจิตเราว่าง จิตสงบ ก็ให้น้อมถึงบุญกุศลที่ได้ทา ไม่ว่าจะเป็นในอดีต หรือปัจจุบัน ที่กาลังทาอยู่ ทาให้จิตที่ว่างเบา สงบ เราเต็มไปด้วยพลังแห่งบุญ เมื่อรู้สึกว่าจิตของเรามีพลังบุญแล้ว ก็ให้ ตั้งจิตอธิษฐานให้กับตนเอง ด้วยอานุภาพแห่งบุญนี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลวะ เป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าจงเป็น ผู้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงธรรมโดยฉับพลัน
จ า ก น นั ้ ใ ห แ้ ผ จ่ ติ ท เี ่ ป น็ บ ญุ อ นั น ใี ้ ห ก้ ว า้ ง อ อ ก ไ ป ใ ห ก้ ว า้ ง อ อ ก ไ ป ไ ม ม่ ขี อ บ เ ข ต ไ ม ม่ ปี ร ะ ม า ณ ใ ห ก้ ว า้ ง เท่าจักรวาล แล้วตั้งจิตอธิษฐาน แผ่บุญกุศลอันนี้ ให้กับผู้มีพระคุณทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูบา อาจารย์ ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย เพื่อนร่วมโลก เกิด แก่ เจ็บ ตาย เทวดาทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ ณ สถาน ท แี ่ ห ง่ น แี ้ ล ะ ท อี ่ นื ่ ๆ จ ง ร บั ร ถ้ ู งึ บ ญุ ก ศุ ล ท ขี ่ า้ พ เ จ า้ ไ ด แ้ ผ ไ่ ป แ ล ว้ น ี ้ เ ม อื ่ ร บั ร แ้ ู ล ว้ ก ข็ อ ใ ห อ้ น โุ ม ท น า เ ม อื ่ อ น โุ ม ท น า แล้ว ถ้ามีทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้ามีสุขก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้ามีเวรมีภัยต่อกัน ก็ขอให้อโหสิกรรมซึ่ง กันและกัน เพื่อความเจริญความผาสุกในชีวิตตลอดไป
สุดท้ายนี้ ก็ขออานิสงส์กุศลผลบุญต่าง ๆ ที่เราได้ทามา ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การรักษาศีล การ เจริญภาวนา ที่ทามาและกาลังทาอยู่นี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลวะ เป็นปัจจัย ให้เราทั้งหลาย จงเป็นผู้มีความ เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ปรารถนาสิ่งใด ก็ขอให้สาเร็จสมความปรารถนาทุก ๆ ประการ ตราบเท่าเข้าสู่ มรรคผลนิพพาน ด้วยกันทุกคนเทอญ