Page 44 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การเล่าสภาวะ
P. 44

796
ทีนี้เวลากาหนดเวทนา บัลลังก์ที่แล้วเวทนาเป็นก้อน กาหนดแล้วทนยากมากเลย อันนี้อย่างหนึ่ง เป็นก้อนอยู่พอกาหนด ๆ แล้วทน ๆ ทนไม่ได้ เลยถอยออกมา ถอยออกมาเป็นผู้ดูไกล ๆ ดูสภาพจิตเป็น หลัก สักพักเวทนาถึงค่อยเบาลง อันนี้จบ ถ้าทาแบบนี้ เป็นแบบนี้เล่าแค่นี้ พอเวทนาขึ้นมาใหม่ พอเข้าไป รู้เวทนา เวทนากล้ากว่าเดิมอีก ปวดมากกว่าเดิมอีก พอเข้าไปกาหนดรู้แต่ว่ากาหนดได้นานขึ้น เห็นอาการ เปลี่ยนแปลงของเวทนาชัดขึ้น ค่อย ๆ เคลื่อน ค่อย ๆ ขยับ แล้วค่อย ๆ เคลื่อนไป เลื่อน ๆ ไป ย้ายไป แล้วก็หยุด ย้ายไปแล้วก็หยุด ๆ อันนี้สมมุติถ้าเห็นอย่างนี้เล่าแบบนี้
แล้วก็สักพักกาหนดสักระยะหนึ่ง เวทนาเริ่มค่อย ๆ เบาลง ๆ ๆ แล้วก็หยุดไป ว่างไป จิตรู้สึกนิ่ง ขึ้นตื่นตัวขึ้น นี่เล่าตามสภาวะ อันนี้ยกตัวอย่าง คือเล่าแบบนี้ไปเลย ไม่ใช่แบบเวทนาครั้งก่อน เป็นแผ่น เป็นก้อนเป็นแท่ง กาหนดแล้วสู้ไม่ได้สงสัยกาลังไม่พอมั้ง หรือสงสัยว่าทนไม่ได้ แล้วก็คือสงสัยนะ ตัวเอง แท้ ๆ ยังสงสัยนั่น สงสัยนี่อยู่นะ อ๋อ!ตอนนี้สติจิตสู้แล้ว สู้ไม่ได้ก็เลยถอยออกมา เลยคลายออกมาแล้ว รู้สึก หาอย่างอื่นดีกว่า ๆ ถ้าบอกว่าหาอย่างอื่นดีกว่า บอกไปเลยว่า เปลี่ยนไปรู้อะไร ไม่ใช่ว่าหาไปกาหนด อาการอื่นดีกว่า ดีอย่างไร ดีกว่าอย่างไร ต้องบอกด้วย พอเปลี่ยนไปกาหนดดูสภาพจิตปุ๊บจิตรู้สึกเบา ขึ้น ๆ อาการเวทนาไม่ค่อยบีบคั้นจิตใจ มีมากแต่บีบคั้นจิตใจน้อยลง อันนั้นทาได้ไหม ได้เลย ให้รู้ว่าทา อย่างไรผลเป็นอย่างไร ตรงนี้คือกาหนดรู้แบบนี้
แล้วเวลาถามว่า ทาไมเวทนามันถึงเป็นอยู่อย่างนี้ ไม่ยอมดับสักทีหนึ่ง ดูเมื่อไหร่ก็ไม่ยอมเปลี่ยน ไม่ยอมดับ เลื่อนไปเลื่อนมา แล้วก็แรงขึ้น อันนี้คือบ่น ไม่ใช่เล่าสภาวะนะ อันนี้เขาเรียกว่าบ่น เริ่มแยกชัด ขึ้นแล้วนะ บ่นกับเล่าสภาวะ เพราะฉะนั้นเวลากาหนดอาการ ทีนี้พอบัลลังก์ใหม่เวทนาชัดขึ้น อย่างที่บอก เวทนาใหม่ขึ้นมาชัดกว่าเดิม แต่ทนสู้ได้มากกว่าเดิม และเห็นชัดว่าเขาเริ่มเปลี่ยนแบบนี้ ๆ จิตตื่นตัวขึ้น ตงั้ มนั่ ขนึ้ อยา่ งทบี่ อกแลว้ เมอื่ กนี้ ี้ ถงึ เวทนาคมชดั กวา่ เดมิ แตส่ งิ่ ทดี่ ที บี่ อกไดค้ อื จติ ตงั้ มนั่ ขนึ้ ใสขนึ้ กวา่ เดมิ แลว้ อยา่ งหนงึ่ ตรงนแี้ หละทบี่ อกวา่ ถา้ จติ ตงั้ มนั่ ขนึ้ ใสขนึ้ กวา่ เดมิ เวทนานนั้ ทา ใหอ้ กศุ ลเกดิ ไหม จติ ตงั้ มนั่ ขนึ้ กว่าเดิมใสกว่าเดิม อกุศลไม่เกิด สิ่งที่เกิดคือสติกับสมาธิที่มีกาลังมากขึ้น ปัญญาคือเห็นการเปลี่ยนแปลง อันนี้เห็นความไม่เที่ยงของเวทนา
แต่ถ้าพิจารณาอีกทีคือว่า สังเกตต่อไปอีกเห็นการเปล่ียนแปลง เห็นชัดเลย จิตที่ตั้งมั่นข้ึนใสขึ้น แยกส่วนกับเวทนาอย่างชัดเจน คือพิจารณาแบบนั้น คือสังเกตถึงความเป็นคนละส่วนของเวทนากับจิต อันนี้ที่บอกว่า สังเกตว่าจิตกับเวทนาเป็นส่วนเดียวกัน หรือคนละส่วนกัน เห็นไหม ถามแบบนี้ เราก็เป็น คนละส่วนกัน แต่รายละเอียดตรงนี้ จริง ๆ แล้วต้องชัดเจนด้วย เห็นเป็นคนละส่วนกัน แล้วรู้สึกว่าเวทนา เปลี่ยนแบบนี้แล้ว ไม่ได้บอกว่าเป็นเราด้วย อันนี้คือปัญญาที่พิจารณาอาการสภาวธรรมที่กาลังเกิดขึ้น ณ ขณะนั้น
วิธีเล่าสภาวะ คือเล่าแบบถ้าเรารู้ชัดว่าเรากาหนดแบบนี้นะ เราจะเล่าได้ถูก เมื่อไหร่ก็ตามที่สติเราดี แลว้ รชู้ ดั วา่ กา ลงั กา หนดอะไร โยคจี ะเลา่ สภาวะไดถ้ กู แลว้ ถกู โดยปรยิ าย เลา่ สภาวะไดช้ ดั ถงึ แมบ้ างครงั้ ไม่ ชัดเสียเยอะ เล่าสภาวะไม่ชัด แต่ถ้าสภาวะเขาชัดเจนแบบนี้ สติดี สติสัมปชัญญะดี รู้ชัดในอารมณ์อย่างไร


































































































   42   43   44   45   46