Page 103 - งานนำเสนอโครงการ
P. 103

102
                                                                                                  102







           สามารถ ปฏิบัติงานอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ ซึ่งจะท าให้องค์กรมีความเข้มแข็งพร้อมจะ
           รองรับการเปลี่ยนแปลง และมีการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแบ่งออกได้ คือ

                          1 1 ควำมสัมพันธ์ของบุคคลกับงำน (Job Relatechedeness) เป็น

           หลักการพื้นฐานของ
                          กำรจัดกำรทรัพยำกรมนุษย์ที่บุคคลและงานจะต้องมีความเหมาะสมกัน โดยที่

           การจ้างงานในแต่ละ ต้องตอบสนองต่อความต้องการงาน ตัวอย่างเช่น การก าหนดให้ผู้จัดการ

           ส านักงานทุกคนต้องเป็นผู้หญิงจะขัด ต่อหลักความสัมพันธ์กับงาน เนื่องจากเพศของบุคคลไม่
           เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานในต าแหน่งผู้จัดการแต่กรณีการจ้างหญิงสาววัยรุ่น

           เป็นนางแบบส าหรับเสื้อผ้าวัยรุ่นจะถือเป็นกรณีที่มีความเหมาะสมกับงาน เนื่องจากนางแบบจะ

           เป็นตัวแทนของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เป็นต้น


                          1.2 กำรจัดบุคคลให้เหมำะสมกับงำน (Personjob Matching) หรือที่

           เรียกว่า Put the Right Man on the Right Job, โดยองค์กรจะต้องพยายามหา

           บุคคลที่มีความรู้ ทักษะ ความสามารถ และทัศนคติ ที่เหมาะสมกับความต้องการของ ต าแหน่ง
           งานนั้น ๆ ถ้าบุคคลและต าแหน่งงานมีความเหมาะสมกัน   2. กำรวำงแผนงำนทรำกมนุษย์

           (Human Resource Planning) เป็น งานส าคัญที่ต้องมีในทุกองค์กร เนื่องจากการ

           เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกองค์กรท าให้ธุรกิจต้อง มีการจัดเตรียมทรัพยากร

           มนุษย์ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ หรือการวางแผนก าลังคนเพื่อคาดคะเนความ ต้องการ
           ก าลังคน ทั้งในด้านจ านวนและคุณสมบัติ หรือการฝึกอบรม เพื่อสนองความต้องการและความ

           จ าเป็น ในการปฏิบัติงานในอนาคต โดยการวางแผนทรัพยากรมนุษย์จะเริ่มต้นจาก

                          (1) กำรวิเครำะห์งำน (Job Analysis) ซึ่งจะศึกษารายละเอียดของงาน
           อย่างมีระบบ โดย จะประเมินว่าในแต่ละงานมีหน้าที่ ความรับผิดชอบ ขั้นตอนปฏิบัติ และ

           รายละเอียดอย่างไร

                          (2) จัดท ำ “สำรสนเทศของำน (Job Information)” โดยก าหนดชื่อ
           ต าแหน่งงาน หน้าที่ ความรับผิดชอบงานที่ต้องปฏิบัติ ลักษณะที่ต้องการความสัมพันธ์กับงาน

           และวัตถุประสงค์ของต าแหน่งที่ เรียกว่าเอกสารพรรณนางาน (Job Description)

                          (3) จัดท ำเอกสำรก ำหนดคุณสมบัติทอโรวำน (Job Specification) ซึ่ง
           จะก าหนด คุณสมบัติเฉพาะของบุคคลที่จะปฏิบัติงานนั้น ๆ เช่น เพศ อายุ การศึกษา ทักษะ
   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108