Page 7 - หนังสือเรียน
P. 7
5
ิ
ิ
ิ
2. ใชแนวคดเชงนามธรรมในการแกปญหาทางวทยาศาสตร
ั
เมอแสงอาทตยสองมายงพนโลก จะทําใหนํ้าจากแหลงตางๆ ระเหยกลายเปนไอ ลอยตว
ิ
ั
ื้
ื่
ิ
ี
ิ่
ื
ี่
ิ
ี
ู
ั้
ื
ึ้
สงขนรวมทงไอนํ้าทเกดจากการคายนํ้าของพช จากการหายใจของสงมชวต หรอของเหลว
ู
ึ่
จากสงขบถาย เชน เหงอ ปสสาวะ เปนตน ซงไอนํ้าดงกลาวจะลอยตวขนสบรรยากาศ
ั
ึ้
ั
ั
ื่
ิ่
ั
็
ั
ั
ื่
โดยไอนํ้าทรวมตวกนนจะมลกษณะรอนชน เมอลอยตวสงขนไปกระทบกบอากาศเยนดาน
ั
ื้
ี่
ึ้
ั
ี้
ี
ู
ู
็
ู
่
่
บน ไอนํ้า บางสวนจะควบแน นกลายเปนหยดนํ้าขนาดเลกลอยอย ในอากาศในรปของ
ู
็
ี
เมฆ ถาหยดนํ้า มขนาดใหญจนอากาศรบนํ้าหนกไมได กจะตกลงมาเปนฝนและถกกกเกบ
็
ั
ั
ั
ึ่
ี้
ั
ไวตามแหลงนํ้าตางๆ ซงเกดการหมนเวยนในลกษณะดงกลาวทขางตนนตอเนองกน
ื่
ิ
ุ
ี่
ั
ี
ั
ู
ื่
เมอตองการหาเเนวคดเชงนามธรรมของวฏจกรนํ้าจากขอมลขางตน
ิ
ิ
ั
ั
ั
ื
ั
โดยพจารณาเฉพาะสาระสําคญจะไดองคประกอบสําคญ ดงน ี้
ั