Page 16 - court
P. 16
13
9) เนื้อหาของการอบรมในแต่ละหลักสูตรควรสอดแทรกเนื้อหาการส่งเสริมจริยธรรม
ในการปฏิบัติงาน แต่ไม่ควรเป็นโครงการที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับศาสนาโดยตรง เช่น การฝึกนั่งสมาธิ
การปฏิบัติธรรมในด้านต่าง ๆ แต่สามารถเป็นโครงการที่น าธรรมะมาปรับประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน
การบริหารงาน/องค์กรได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ส าคัญและต้องพึงระวัง เพราะจะมีผลกระทบต่อ
การพิจารณาการให้ได้เงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการศาลยุติธรรม เนื่องจากมีข้อจ ากัด
ที่คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องจะไม่พิจารณาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับศาสนาโดยตรง
10) การส่งบุคลากรเข้ารับการอบรมกับหน่วยงานภายนอกควรเน้นที่ข้าราชการตุลาการ
และข้าราชการศาลยุติธรรมก่อนเป็นล าดับแรก ส่วนพนักงานราชการและลูกจ้างควรเลือกบุคลากร
ที่ปฏิบัติงานที่ส าคัญและจ าเป็นต่อองค์กร และเป็นหลักสูตรอบรมที่ศาลยุติธรรมไม่มีความรู้
ความเชี่ยวชาญ เช่น พนักงานคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
11) เนื้อหาของหลักสูตรการอบรมหรือการพัฒนาด้วยวิธีการอื่นควรมุ่งเน้นสมรรถนะหลัก
5 สมรรถนะ ตามมาตรฐานและแนวทางการก าหนดความรู้ความสามารถทักษะและสมรรถนะที่จ าเป็น
ส าหรับต าแหน่งข้าราชการศาลยุติธรรม ประกอบด้วย
1. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Achievement Motivation)
2. จิตส านึกในการให้บริการ (Service Mind)
3. การสั่งสมความเชี่ยวชาญในอาชีพ (Expertise)
4. จริยธรรม (Integrity)
5. การท างานเป็นทีม (Teamwork)
12) ขอบเขตเนื้อหาของหลักสูตรการอบรมหรือการพัฒนาด้วยวิธีการอื่นได้ก าหนดไว้ 8 ด้าน ได้แก่
1. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
2. ด้านบริหารจัดการ
3. ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
4. ด้านแผนงาน งบประมาณ การเงิน และพัสดุ
5. ด้านภาษาต่างประเทศ
6. ด้านทรัพยากรบุคคล
7. ด้านการประชาสัมพันธ์
8. ด้านอื่น ๆ
13) หน่วยงานศาลไม่สังกัดภาค ภาค และศาลในภาค ควรน าข้อมูลจากการท าแผนพัฒนา
รายบุคคล (IDP : Individual Development Plan) ของข้าราชการศาลยุติธรรม ลูกจ้าง และพนักงาน
ราชการมาเป็นข้อมูลประกอบพิจารณาในการจัดท าแผนพัฒนาบุคลากรของหน่วยงาน เพื่อหาวิธีการ
พัฒนาบุคลากรที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นวิธีการฝึกอบรม หรือวิธีการพัฒนาอื่น ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการ
ปฏิบัติงานบุคลากรของหน่วยงาน อันจะน าไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรในที่สุด