Page 19 - 2559
P. 19
2. ระหว่างการพัฒนาระบบสารสนเทศ หน่วยงานที่พัฒนาระบบต้องด าเนินการส่งข้อมูลของระบบที่จะพัฒนาให้
ทางศูนย์ฯ ดังนี้
2.1 แจ้งความต้องการ การใช้งานด้านเครือข่าย (network) ต่างๆ ทั้งการใช้งานภายใน (Local)
และการใช้งานเพื่อให้บริการภายนอก (External) ซึ่งระบบต้องสามารถใช้งานตามมาตรฐาน IPv6 ได้
2.2 แจ้งจ านวนและรุ่นของ ระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ และลิขสิทธิ์ต่างๆ
2.3 แจ้ง Platform ต่างๆที่ใช้ในการพัฒนาระบบ รวมถึง Database Platform
2.4 ส่งเอกสาร Source Code, System Diagram, Network Diagram, ER Diagram, Data
Dictionary, คู่มือระบบ และเอกสารที่เกี่ยวข้องในการออกแบบระบบ
2.5 เอกสารค านวณอัตราการเติบโตของระบบ ทั้งด้านเครือข่าย การใช้ทรัพยากรของเครื่อง และอัตรา
การเติบโตของข้อมูล ล่วงหน้าเป็นเวลา 5 ปี
2.6 แจ้งจ านวนผู้ใช้งาน และการแบ่งประเภทผู้ใช้งาน
3. หลังจากพัฒนาระบบสารสนเทศเป็นที่เรียบร้อย หน่วยงานที่จะพัฒนาระบบจะต้องด าเนินการดังนี้
3.1 จะต้องท าการทดสอบการใช้งานของระบบทั้งหมดให้ถูกต้องตามความต้องการ
3.2 จะต้องท าการส ารองข้อมูลของอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในระบบ พร้อมทดสอบการกู้คืนข้อมูลของระบบและมี
การวางแผนเพื่อรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ
3.3 จะต้องจัดหาโปรแกรมป้องกันไวรัสมาใช้กับระบบงานที่พัฒนาขึ้น
3.4 จะต้องวางแผนและจัดท า maintenance ของอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในระบบทั้งด้าน ฮาร์ดแวร์
และซอฟต์แวร์
3.5 จะต้องส่งค่า Sys log ,SNMP ของระบบและตั้งค่าให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบของ
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้
3.6 จะต้องค านวณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น หลังจากพัฒนาระบบเป็นที่เรียบร้อย เช่น ค่าลิขสิทธิ์
ค่าบ ารุงรักษา และค่าเสื่อมตามการค านวณราคากลางค่าเสื่อมของกระทรวง ICT
3.7 จะต้องมีการจัดฝึกอบรมผู้ดูแลระบบ และผู้ใช้งานระบบ ให้สามารถดูแล และใช้งานระบบตามที่
ออกแบบไว้ได้
โดยประกาศกฎบัตรดังกล่าวประกาศเมื่อวันที่ 20 เดือน เมษายน พ.ศ. 2559 โดยได้รับอนุมัติจากนายประศักดิ์ บัณฑุนาค
รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท และให้เริ่มด าเนินการ นับจากวันที่ประกาศใช้ เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติของกรมฯ
11