Page 153 - วทยาศาสตรเพอพฒนาอาชพธรกจและบรการ_Neat
P. 153

141




                       2) รังสีบีตา (Beta Ray: 8) เกิดจากการสลายตัวของนิวไคลด์ที่มีจํานวนโปรตอนมาก


               เดินไปหรือน้อยเกินไป โดยรังสีบีตาแบ่งได้ 2 แบบ คือ

                          2.1) บีตาลบหรือหรืออิเล็กตรอน ใช้สัญลักษณ์ 8: เกิดจากการสลายตัวของ 9

               เคลียสที่มีนิวตรอนมากกว่าโปรตอน  ดังนั้นจึงต้องลดจํานวนนิวตรอนลง  เพื่อให้นิวเคลียส


               เสถียร




















                                  รูปที่ 9.4 แสดงการสลายตัวของสารแล้วให้รังสีบีตาลบ

                          2.2) ปีตาบวกหรือหรือโพสิตรอน ใช้สัญลักษณ์ β+ เกิดจากการสลายตัวของ

               นิวเคลียสที่มีโปรตอนมากกว่านิวตรอน ดังนั้นจึงต้องลดจํานวนโปรตอนลงเพื่อให้นิวเคลียส


               เสถียร

                                เนื่องจากอิเล็กตรอนนั้นเบามาก  จึงทําให้รังสีบีตาเกิดการเบี่ยงเบนได้ง่าย

               สามารถเบี่ยงเบนใน สนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กได้ มีความเร็วสูงมาก คือมากกว่าครึ่ง


               ของความเร็วแสง มีอํานาจในการ ทะลุทะลวงมากกว่ารังสีแอลฟา แต่น้อยกว่ารังสีแกมมา

                       3) รังสีแกมมา (Gamma Ray: Y) เกิดจากการที่นิวเคลียสที่อยู่ในสถานะกระตุ้น

               (Exited State) กลับสู่สถานะพื้นฐาน (Ground State) โดยการปลดปล่อยรังสีแกมมา


               ออกมา ซึ่งรังสีแกมมา ก็คือโฟตอนของการแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเช่นเดียวกับรังสีเอ็กซ์  แต่
   148   149   150   151   152   153   154   155   156   157   158