Page 148 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 148

ประวัติศาสตร์จานเดียว




           ในทางธรรมนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากไร้อิสระในทางโลก  เป็นการนำาเอา
           พุทธศาสนามาเชื่อมโยงกับการเมืองอย่างมีนัยสำาคัญ กลายเป็นการประกาศ
           ว่าพระสงฆ์มีความชอบธรรมในการเข้าร่วมขบวนการกู้ชาติด้วยเช่นกัน  จน

           อาจจะกลายเป็นวัฒนธรรมของพม่าที่พระสงฆ์สามารถเข้ามามีส่วนทางการ
           เมืองได้แม้จะไม่มีบัญญัติไว้ในพระวินัยก็ตาม
                  หลังสงครามโลกครั้งที่  ๑  พม่าก็เกิดสมาคมหรือองค์กรอิสระขึ้น

           มากมาย  ด้วยแนวคิดชาตินิยมที่มุ่งหวังจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
           ในสังคม โดยเฉพาะการเรียกร้องอิสระจากการปกครองของอังกฤษ การเกิด
           ขึ้นของสมาคมต่างๆ  เหล่านี้  ส่วนหนึ่งมาจากคนหนุ่มสาวชาวพม่ารุ่นใหม่
           ที่ได้รับการศึกษาดี  มีแนวคิดก้าวหน้ามากกว่ากลุ่มผู้นำาเก่าที่ยังคงยึดมั่นกับ
           แนวคิดอนุรักษ์นิยม   กลุ่มเก่านั้นยังคงฝังแน่นกับความพยายามเรียกร้อง

           เอกราชเพื่อที่จะนำาพม่ากลับสู่ความเป็นมหาอำานาจแบบพุกาม  อังวะ  หง
           สาวดี  มัณฑะเลย์  แต่คนหนุ่มสาวกลับมองไปข้างหน้าโดยมีชาติที่เจริญแล้ว
           เป็นต้นแบบมากกว่า

                  หลังสงครามโลกครั้งที่  ๑  อังกฤษเริ่มปกครองอาณานิคมอินเดีย
           และพม่าได้ลำาบากขึ้นทุกที  โดยเฉพาะกับอินเดียที่ได้สัญญาไว้ว่าจะยอมยก
           อำานาจปกครองตนเองให้  ซึ่งพม่าก็เห็นว่าพวกเขาก็น่าจะได้สิทธิ์นั้นด้วยเช่น
           กัน  ปี  พ.ศ.  ๒๔๖๖  อังกฤษยินยอมให้พม่าจัดตั้งรัฐบาลของตนเองได้แต่ก็
           ยังอยู่ภายใต้การควบควมของอังกฤษ  คือจัดตั้งเป็นรัฐบาลคู่ร่วมกับบริหาร

           ประเทศ วิธีนี้ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับที่อินเดีย แต่ในพม่า กระแสความไม่
           พอใจยังไม่คุกรุ่นมากเท่า
                  แม้จะมีรัฐบาลเป็นของตนเองครึ่งหนึ่งแต่อำานาจการบริหารราชการ

           แผ่นดินในเรื่องสำาคัญๆ  ยังคงเป็นของอังกฤษ  ได้แก่  การต่างประเทศ  การ
           ทหาร  ความมั่นคง  การพาณิชย์  การคลัง  ที่สำาคัญคืออังกฤษยังคงแผนการ
           แบ่งแยกแล้วปกครอง โดยแยกชาวพม่าออกตามชาติพันธุ์ ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิด



           ๑๔๐
   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153