Page 241 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 241
ประวัติศาสตร์จานเดียว
นั้น เดินทางไปเยือนพม่าในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ หลังเหตุการณ์ “๘๘๘๘” ไม่นาน
นัก คล้ายกับจะบอกเป็นนัยว่าไทยยังให้การยอมรับรัฐบาลทหาร SLORC ที่
แม้ผิวเผินอาจดูเหมือนเป็นภาระกิจของกองทัพ แต่น่าแปลกที่หลังจากนั้น
นักการเมืองและนักลงทุนชาวไทยหลายรายกลับได้สัมปทานการค้าในพม่า
กันถ้วนหน้า
ถัดมาอีกสองปี คือในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในพม่า
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็เดินทางไปเยือนพม่าอีกรอบ แม้จะเป็นที่ทราบกัน
ดีว่านโยบายของไทยในยุคนั้นมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นหลัก
แต่ก็ชวนให้สงสัยถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งของรัฐบาลทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ดี ใน
ขณะที่นานาชาติรุมประนามหรือถึงขั้นคว่ำาบาตรพม่าจากการกระทำาของ
รัฐบาลทหาร SLORC
หลังสิ้นยุคของรัฐบาลพลเอกชาตาย ชุณหะวัณ ไทยกับพม่าก็ยังคง
สัมพันธ์อันดีตามหลักการของอาเซียนที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของ
ประเทศอื่น แต่ทั้งที่ใครต่อใครต่างแสดงความไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของ
รัฐบาลทหาร ไทยกลับมัวแต่สนใจทำาการค้าหน้าตาเฉย จึงไม่แปลกที่ซูจีจะ
ไม่ค่อยสบอารมณ์นักกับท่าทีของไทยที่ปฏิบัติต่อเธอหลังจากที่เธอกลาย
เป็นคนสำาคัญของโลกไปแล้วในภายหลัง ทำานองว่าถ้าฉันยังถูกกักบริเวณ
ไทยก็คงไม่แสดงความสนใจมากขนาดนี้ใช่ไหม
กับคนไทยเองก็ต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ยังคงมองชาวพม่าด้วย
ความรู้สึกที่ดูแคลน ชาวพม่าจำานวนมากอพยพเข้ามาทำางานในประเทศไทย
เหตุผลส่วนใหญ่หนีไม่พ้นเรื่องรายได้ที่ดีกว่าทำางานในพม่า แรงงานชาวพม่า
ทำางานทุกอย่างที่คนไทยไม่ทำา แต่โดยส่วนใหญ่กลับได้รับการปฏิบัติอย่างไม่
ค่อยเป็นธรรมนัก ด้วยเหตุผลที่ว่าเพราะพวกเขาเป็นแรงงานผิดกฎหมาย จึง
กลายเป็นข้อต่อรองที่ถูกเอาเปรียบจากนายจ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมดทุกคน
ที่ถูกกระทำาเช่นนี้ แต่ในความรู้สึกของคนพม่าก็เห็นว่าไม่ค่อยจะเป็นธรรม
๒๑๗