Page 245 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 245
ประวัติศาสตร์จานเดียว
หลายต่างประหลาดใจที่เธอไม่ได้แสดงความเห็นใจต่อชะตากรรมของชาวโร
ฮิงยาเท่าที่ควร มีการวิจารณ์ว่าเธอกำาลังปกป้องชาวพุทธซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่
ของพม่าและเป็นฐานเสียงสำาคัญของเธอ จริงอยู่ที่เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะ
ทำาอะไรได้แต่ต้องไม่ลืมว่าครั้งหนึ่งเธอเองนั่นแหละที่เคยเรียกร้องและยก
เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นประเด็นหลักในการต่อต้านรัฐบาล
ไม่เพียงเฉพาะเรื่องชาวโรฮิงยาเท่านั้น หากพิจารณาท่าทีของเธอ
ภายหลังจากได้รับอิสรภาพจะเห็นว่าเธอลดการเผชิญหน้าลงไปมาก ยิ่ง
หลังจากที่เธอได้เข้าไปนั่งในสภาแม้จะในฐานะเสียงข้างน้อยก็ตาม ซูจีมี
ท่าทีประนีประนอมขึ้น หลายหนที่เธอเอ่ยปากเห็นด้วยกับนโยบายบาง
ประการของรัฐบาลทหาร และยิ่งเมื่อเธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอรักกองทัพ
เพราะนี่คือกองทัพที่พ่อของเธอสร้างขึ้น ยิ่งก่อให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งและ
สับสน เพราะที่เธอถูกกักบริเวณยาวนานกว่ายี่สิบปี การต้องพลัดพรากจาก
ครอบครัว ก็มิใช่เพราะกองทัพนี้หรอกหรือ
หากมาพิจารณากันใหม่อีกทีก็ต้องเห็นใจซูจีเหมือนกัน ขณะที่เธอ
ถูกกักบริเวณ เธอสวมบทบาทวีรสตรีผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เธอค้านทุก
อย่างที่มาจากรัฐบาลทหาร แน่นอนว่ารัฐบาลทหารเองก็มีพฤติกรรมที่ชวน
ให้ค้านอยู่ทั้งจากการกุมอำานาจเบ็ดเสร็จและการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้น
รุนแรง แต่หลังจากที่นายพลเต็งเส่งขึ้นเป็นผู้นำา เขาปรับเปลี่ยนนโยบาย
ใหม่ มีการวางแผนเพื่อปูทางประเทศสู่การเป็นประชาธิปไตย ปล่อยเธอเป็น
อิสระ ปล่อยนักโทษการเมือง พัฒนาประเทศไปสู่การเป็นอารยะตามแบบ
สากล การค้าและความสัมพันธ์กับนานชาติเริ่มไปได้ดี ฯลฯ เหล่านี้มีผลงาน
แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรม เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะให้เธอค้านเรื่องอะไรอีก หาก
ยังดื้อดันค้านหัวชนฝาแบบไม่มีเหตุผล เธอเองนั่นล่ะจะเป็นฝ่ายตกที่นั่ง
ลำาบากเสียเอง
สิ่งที่เธอทำาได้คือการประนีประนอม เธอจะดึงดันค้านทุกอย่างแบบ
๒๒๑