Page 73 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 73
ประวัติศาสตร์จานเดียว
แต่ปรากฎว่าเพียงไม่นานนักขบวนการนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้าน
มากมาย มีการขยายพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นป้อมปราการ มีการ
สร้างคูเมือง ใช้ต้นไม้ใหญ่แทนกำาแพงเมือง ตระเตรียมเสบียง อาวุธและ
กำาลังพลมากพอจะเป็นกองทัพ และไม่นานต่อมามันก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นๆ จน
หยุดไม่อยู่ หม่องอองไจยะจึงไม่หยุดแค่เป็นขบวนการเล็กๆ แต่คิดใหญ่ไป
ถึงการรวบแผ่นดินพม่าให้กลับมาเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่อีกครั้งโดยมีเขา
สวมมงกุฎเป็นกษัตริย์
พ.ศ. ๒๒๙๖ หม่องอองไจยะก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์พม่า
ทรงพระนามว่า พระเจ้าอลองพญา นับเป็นต้นราชวงศ์อลองพระ หรือไทย
เราคุ้นชื่อว่าราชวงศ์คองบอง โดยพระองค์อ้างว่าสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์
อังวะเมื่อครั้งครองแผ่นดินยุคพระเจ้าทาโดมินพญาโน่น
คงจะสงสัยกันว่าทำาไมเป็นกษัตริย์กันง่ายๆ แบบนี้เลยรึ เขาคงไม่ใช่
แค่ว่ามีอิทธิพลมากแล้วเลยตั้งตนเป็นคิงเลย คงต้องสู้รบปรบมือกับอีกหลาย
ขบวนการที่ก็อยากจะเป็นใหญ่บ้างเหมือนกัน เคยอ่านสามก๊กกันไหม ก็คง
ทำานองเดียวกันอย่างเล่าปี่ที่โดนย้ำาเหลือเกินว่าแค่คนทอเสื่อขายริจะเป็น
อ๋อง แต่สุดท้ายเล่าปี่ก็ดันได้เป็นอ๋องจริงๆ แต่อย่าง อ้วนเสี้ยว อ้วนสุด ชาติ
ตระกูลดีมีไพร่พลมากมาย อยากเป็นอ๋องแทบตายก็เป็นไม่ได้เพราะบารมีไม่
ถึง เล่าปี่นั้นเริ่มจากศูนย์ ค่อยๆ สร้างผลงาน ซื้อน้ำาใจผู้คน ไปไหนใครก็รัก
ยกให้เป็นพ่อพระกันทั้งบ้านทั้งเมือง อันนี้ไม่พูดถึงตัวตนข้างใน เอาแค่ภาพ
ลักษณ์ล้วนๆ สามก๊กเขาถึงตีเส้นไว้ชัดเจนว่า เล่าปี่ เป็นพระเอก โจโฉ เป็น
ผู้ร้าย ทำานองเดียวกับพระเจ้าอลองพญาที่ต้องเริ่มจากศูนย์เหมือนกัน
น้ำาใจราษฎรนั้นสำาคัญ ต่อให้มีอิทธิพลมากแค่ไหน ถ้าใช้ไม่ถูก หา
แต่ประโยชน์ใส่ตัว ชาวบ้านที่ไหนเขาอยากจะมาอยู่ด้วย แล้วในยุคสมัยที่มี
การแย่งชิงกันเป็นใหญ่ ราษฎรก็ย่อมมองหาคนที่จะปกป้องเขาได้ ไม่กดขี่
ข่มเหงพวกเขา ซึ่งเขาคงเข็ดพวกเจ้านายเก่าๆ เลยหันมาพึ่งคนที่เป็นชาว
๖๕