Page 77 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 77
ประวัติศาสตร์จานเดียว
เป็นปกติสุขโดยไม่ได้แบ่งแยกเชื้อชาติ จากนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ให้พระราชบุตร
เจ้าชายสโดเมงสอ หรือ เจ้าชายมังระ อยู่ครองเมืองอังวะสืบไป
ย้อนกลับไปที่กรุงหงสาวดีอีกหนึ่งขั้วอำานาจที่เป็นใหญ่อยู่หลังสิ้น
แผ่นดินราชวงศ์ตองอู พอทราบข่าวว่าแผ่นดินตอนเหนือตกเป็นของพระ
เจ้าอลองพญาเสียหมดแล้วก็ใจหาย พระเจ้ากรุงหงสาวดีเกิดมานะคิดจะ
เอาเมืองแปรคืนกลับมาเป็นของมอญอีกครั้งด้วยว่าเป็นเมืองสำาคัญ ปี พ.ศ.
๒๒๙๘ พระเจ้ากรุงหงสาวดีจึงแต่งทัพบกและทัพเรือบุกเข้าตีเมืองแปร ซึ่ง
การมาครั้งนี้ทัพมอญพกเอาปืนไฟและปืนใหญ่ของพวกฝรั่งมาด้วย ส่วนทาง
พม่านั้นพระเจ้าอลองพญาทรงแต่งทัพลงมารับศึกด้วยพระองค์เองเลยที
เดียว
ผลการรบนั้นฝ่ายพม่าได้รับชัยชนะ แต่ก็เหนื่อยแทบรากเลือดด้วย
พิษสงของปืนไฟและปืนใหญ่ของพวกฝรั่ง หลังการศึกครั้งนี้ทำาให้พระเจ้า
อลองพญาทรงเห็นถึงความสำาคัญของอาวุธจากตะวันตกเหล่านี้มาก ซึ่งจะ
ส่งผลต่อแผ่นดินพม่าในเวลาต่อมา
ทัพมอญที่พ่ายแพ้ก็ถอยร่นกลับกรุงหงสาวดี ทัพพระเจ้าอลอง
พญาก็เร่งตามติดมาตั้งค่ายอยู่บริเวณเมืองตะเกิงอันเป็นที่ตั้งของพระมหา
เจดีย์ชเวดากอง พระองค์จึงใช้โอกาสนี้สักการะพระมหาเจดีย์ อีกทั้งยังทรง
ใช้กุศโลบายเพื่อสร้างขวัญกำาลังใจให้แก่เหล่าทหาร ด้วยการเปลี่ยนชื่อเมือง
ตะเกิงเสียใหม่ให้เป็นสิริมงคลเป็น เมืองแยงคอน หรือที่คนไทยเรียกว่า
เมืองร่างกุ้ง อันมีความหมายว่า เมืองที่เอาชัยเหนือศัตรูหรือเมืองที่ไม่มีวัน
ปราชัย
ระหว่างนี้ฝั่งชายแดนพม่าติดกับประเทศอินเดียเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข
จากการรุกรานของชาวมณีปุระ พระเจ้าอลองพญาจัดการขั้นเด็ดขาดด้วย
การยกทัพใหญ่ไปลุยถึงถิ่นมณีปุระ ฆ่าล้างบางและเผาเสียวอดวายไปหลาย
หมู่บ้าน เกณฑ์เชลยศึกมาเป็นข้าทาสจำานวนมาก รวมถึงบัณฑิตผู้มีความรู้
๖๙