Page 81 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 81
ประวัติศาสตร์จานเดียว
กรุงศรีอุยธยาในขณะนั้นตรงกับสมัยของ พระเจ้าเอกทัศ สถานภาพ
ในราชสำานักไม่ค่อยจะราบรื่นนัก บ้านเมืองค่อนข้างจะวุ่นวาย ซึ่งเป็นภาพ
ลักษณ์ที่เรามักจะได้ยินได้เรียนกันมา แถมยังมีบางกระแสที่ระบุว่าพระองค์
เป็นกษัตริย์ที่ค่อนข้างจะอ่อนแอ ไม่ทรงมีลักษณะของจอมทัพ สาเหตุที่แท้
อาจจะไม่ใช่มาจากพระองค์เพียงฝ่ายเดียว จะโทษก็ต้องโทษกันทั้งหมดว่า
กรุงศรีอยุธยาไม่ได้เข้มแข็งดังแต่ก่อน การที่เรารักสงบก็ส่งผลกระทบต่อ
ความมั่นคงได้เหมือนกัน การเสื่อมของอาณาจักรก็เป็นเรื่องปกติสามัญ ผู้ที่
เข้มแข็งกว่าย่อมเป็นฝ่ายชนะ เราจะไปโทษพระองค์ข้างเดียวก็เห็นจะไม่ถูก
ต้องนัก
พม่านั้นเขม่นไทยไว้นานแล้วว่าเป็นต้นเหตุของกลุ่มกบฎต่างๆ ยิ่ง
เมื่อเชียงใหม่ก่อกบฎโดยมีกองทัพจากอยุธยามาคอยสนับสนุนก็ยิ่งชี้ให้
เห็นชัดเจนว่าอยุธยามีเอี่ยว พระเจ้ามังระจึงยกทัพไปปราบและเอาชนะ
ได้ง่ายดาย แล้วยังทรงตีต่อไปถึงล้านช้างเพื่อตัดกำาลังมิให้ล้านช้างมาช่วย
เหลืออยุธยาได้ แม้ว่าฝ่ายไทยจะสนับสนุนให้เมืองทวายกบฎเพื่อให้ทัพพม่า
พะวักพะวงก็ไม่เป็นผล กบฎทวายถูกเก็บอย่างง่ายๆ คราวนี้กรุงศรีอยุธยาก็
เริ่มจะสั่นคลอนแล้ว
แม่ทัพผู้ชาญการศึกของฝั่งพม่าที่ต้องยกมากล่าวถึงและมีส่วน
สำาคัญในการพิชิตกรุงศรีอยุธยามีอยู่สองท่าน คือ มังมหานรธา และ เน
เมียวสีหบดี (สีหปตี) มังมหานรธานั้นเป็นแม่ทัพใหญ่ตะลุยมาจากทางฝั่งใต้
ส่วนทางเหนือนั้นเป็นหน้าที่ของเนเมียวสีหบดี แต่มังมหานรธามิได้ทันอยู่ดู
ชัยชนะเพราะถึงแก่กรรมลงเสียก่อน
ทั้งสองทัพพม่าเข้าโอบล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้นานกว่า ๑๔ เดือน จึง
ได้ชัยชนะ ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าใช่ว่าไทยจะไม่สู้ เพียงแต่แผนการรับศึกอาจ
จะผิดพลาด เพราะครั้งนี้พม่าไม่ได้บุกดุ่มๆ เข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์
เหมือนแต่ก่อน แต่เข้ามาทางตะนาวศรีและจากฝั่งเหนือ ไทยเองคงตั้งรับ
๗๓