Page 84 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 84
ประวัติศาสตร์จานเดียว
ในศึกครั้งนี้
ดังนั้นพม่าจึงต้องทำาศึกต่อเนื่องหลังจากเสร็จศึกกรุงศรีอยุธยา
แล้ว พระเจ้ามังระก็ต้องแบ่งทัพไปรับมือทัพจีน ทั้งสองทัพรบกันไปมาผลัด
กันได้เปรียบเสียเปรียบอยู่หลายหน จนในปี พ.ศ. ๒๓๑๒ จักรพรรดิจีนทุ่ม
สุดกำาลัง เกณฑ์ไพร่พลโยธาได้มากกว่า ๖ หมื่น บุกลงมาพร้อมกันสามทาง
หมายจะขยี้พม่าให้เละให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจเอาชนะทัพพม่าได้
เสียที ศึกระหว่างจีนกับพม่ากินเวลายาวนานกว่า ๕ ปี สูญเสียรี้พลและงบ
ประมาณกันมากมายทั้งสองฝ่ายโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครกำาชัยได้เด็ดขาด
ช่วงท้ายของสงครามกลับเป็นฝ่ายจีนที่เริ่มเสียเปรียบ กองทัพจีน
ถูกพม่าล้อมเอาไว้และมีทีท่าจะพลาดพลั้ง จักรพรรดิจีนมีรับสั่งให้ถอนทัพ
เลิกราต่อกันโดยอ้างว่าจากความผิดแต่เดิมที่ทางพม่าได้ก่อขึ้นนั้น พระองค์
เห็นควรที่จะให้อภัย ประมาณว่าที่ถอนทัพกลับนี่ไม่ใช่เพราะแพ้หรอกนะ แต่
จีนเป็นฝ่ายยกโทษให้พม่าต่างหาก มาแบบนี้ฝั่งพม่าก็ไม่ยอม มาตู่เอาแบบนี้
หน้าไม่อาย แม่ทัพนายกองฝั่งพม่าก็ฮึ่มๆ จะรบต่อเสียให้ได้
จนแม่ทัพอาวุโสอย่าง มหาสีหสุระ ให้คำาแนะนำาว่าเห็นควรสงบศึก
กับจีนเสีย เพราะรบกันมาช้านานไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำา ทหารตายกันเป็นเบือ
ราษฎรได้รับความทุกข์ยากกันทั้งสองแผ่นดิน การค้าขายที่เคยมีต่อกันก็ยุติ
ลง เศรษฐกิจของชาติฉิบหายกันไปหมด เลิกแล้วต่อกันเป็นมิตรกันดังเดิมจะ
ส่งผลดีที่สุด
ในตอนแรกนั้นแม่ทัพพม่าไม่เอาด้วย แต่มหาสีหสุระอาศัยอำานาจ
ที่ได้รับจากพระเจ้ามังระในการดำาเนินการตามแต่เห็นสมควรจัดการทำาสนธิ
สัญญากับจีนเพื่อยุติสงคราม โดยระบุว่าทั้งสองฝ่ายจะยอมส่งเชลยสงคราม
ให้แก่กัน จะรักษาที่มั่นของตัวเอง จีนต้องยอมรับในอธิปไตยของพม่าบน
แผ่นดินไทยใหญ่ ฝ่ายจีนที่กำาลังเสียเปรียบรีบคว้าสัญญาลงนามทันที แล้ว
ยกทัพกลับ
๗๖