Page 89 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 89
ประวัติศาสตร์จานเดียว
ไปหลายแห่ง งานนี้ทำาเอาพระเจ้าปดุงเสียฟอร์มและเสียหน้าไปมากโข
อีกสองปีถัดมาพระองค์ทรงแต่งทัพเข้ามาตีกรุงรัตนโกสินทร์อีก
ครั้งหวังจะล้างอาย แต่ก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้อีกครา ยิ่งทำาเอาเสื่อมเสีย
พระเกียรติมากขึ้นไปอีก ผิดกับฝั่งไทยที่เป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ในอาณาจักร แต่
กลับเข้มแข็งและทวีอิทธิพลขจรขจายไปทั้งฝั่งเหนือถึงเชียงใหม่และทางใต้
ถึงตะนาวศรี นอกจากกองทัพที่เข้มแข็งและมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระ
ปรีชาแล้ว สรรพอาวุธของไทยก็ยังล้ำาหน้าและมีมากกว่าพม่าหลายเท่า ด้วย
เพราะไทยมีสัมพันธ์อันดีกับชาติตะวันตก สามารถติดต่อซื้อขายอาวุธได้
อย่างสะดวก ต่างจากพม่าที่ทำาการค้าอยู่แต่กับอังกฤษ นอกจากจะเสียทีเสีย
หน้าที่ทำาศึกแพ้ไทยแล้ว จากการเกณฑ์ไพร่พลมหาศาลเช่นนี้ทำาให้เมืองยะ
ไข่ที่เพิ่งจะตีเอามาได้เริ่มมีการก่อหวอดขึ้น ชาวยะไข่ไม่พอใจที่ถูกเกณฑ์ออก
ไปรบ ก็ยิ่งทำาให้พระองค์ต้องพะวักพะวงเกรงว่ายะไข่จะก่อกบฎ
และแล้วในปี พ.ศ. ๒๓๓๗ ยะไข่ก็กบฎจนได้ แม้ว่ารัฐบาลกลาง
จะสามารถปราบปรามลงได้ แต่ปัญหาไม่ได้จบแค่ตรงนั้น ผู้นำากบฎพร้อม
พรรคพวกหลบหนีข้ามพรมแดนเข้าไปในบริเวณชายแดนอินเดียที่อยู่ในการ
ปกครองของอังกฤษ ทัพพม่าจึงบุกเข้าไปหวังจะกำาราบเสียให้สิ้น แต่ก็ถูก
อังกฤษตอบโต้เพราะถือว่าพม่ากำาลังรุกล้ำาดินแดน โชคดีที่เหตุการณ์จบลง
ง่ายดายเกินคาด อังกฤษยอมส่งผู้ร้ายข้ามแดนคืนไปให้พม่า อาจเป็นเพราะ
ว่ากลุ่มกบฎเป็นเพียงนายทหาร มิใช่เจ้านายหรือเชื้อพระวงศ์ แต่เหตุการณ์
ครั้งนี้ก็ทำาให้สถานการณ์บริเวณชายแดนระหว่างสองประเทศไม่ค่อยราบรื่น
นัก
ในตอนนั้นอังกฤษครอบครองอินเดียกับลังกาไปแล้ว และก็เริ่มจะ
เหล่ๆ มาทางพม่า ความจริงอังกฤษเข้ามาในพม่านานแล้วตั้งแต่สมัยราชวงศ์
ตองอู แต่ช่วงนั้นโปรตุเกสกับฮอลลันดากำาลังเบ่งเต็มที่ จนเมื่อทั้งสองชาติ
เริ่มโรยราลง อังกฤษก็แอบดีใจว่าถึงคราวจะได้แผ่อิทธิพลบนดินแดนแถบนี้
๘๑