Page 13 - รายงานโครงการน้ำอุปโภค-บริโภค ปี60
P. 13

โครงการพัฒนาแหล่งน ้าบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน ้าอุปโภค - บริโภค ประจ้าปีงบประมาณ 2560


                                                              บทที่2
                                                         วิธีการด าเนินงาน


                   1. การส ารวจทางธรณีฟิสิกส์

                          การส้ารวจในครั งนี ท้าการส้ารวจแบบหาข้อมูลในแนวดิ่งได้วางรูปแบบขั วไฟฟ้าแบบชลัมเบอร์เจ โดยวาง
                   จุด Soundings จ้านวน 20 จุดโดยแต่ละจุดส้ารวจถึงระยะ AB/2 เท่ากับ 200 เมตร เพื่อให้ได้ข้อมูลความลึกของ
                   ชั นหินแข็ง การส้ารวจเริ่มจากการวางขั วปล่อยกระแสไฟฟ้า A, B และขั ววัดศักย์ไฟฟ้า M, N ที่ระยะ AB/2 และ

                   MN/2 เท่ากับ  1  และ  0 .25 เมตรตามล้าดับ เพื่อวัดค่าความต้านทานไฟฟ้าจุดแรก จากนั นจึงขยายระยะระหว่าง
                   ขั วไฟฟ้าทั งสองด้านจากจุดศูนย์กลางของจุด sounding ซึ่งเป็นจุดอ้างอิง (reference หรือ sampling point)
                   เพื่อวัดค่าความต้านทานไฟฟ้าในจุดต่อ ๆ ไป โดยเป็นไปตามระยะทางของขั วปล่อยกระแสไฟฟ้า (AB/2) และขั ว
                   วัดศักย์ไฟฟ้า (MN/2)


                          หลักการส ารวจวัดค่าความต้านทานไฟฟ้า
                          การส้ารวจวัดค่าความต้านทานไฟฟ้าอาศัยการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติด้านความต้านทานไฟฟ้าจ้าเพาะที่
                   เกิดขึ นในชั นดินชั นหิน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวท้าให้เกิดค่าผิดปกติที่สามารถตรวจสอบได้ เมื่อมีค่าผิดปกติ

                   ทางด้านความต้านทานไฟฟ้าจ้าเพาะเกิดขึ นจากการส้ารวจย่อมสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้าน
                   ธรณีวิทยาใต้พื นที่ส้ารวจที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงชนิดหินหรือธรณีโครงสร้าง
                          การส้ารวจวัดค่าความต้านทานไฟฟ้าต้องมีขั วไฟฟ้า (electrodes) 2 ประเภทคือ (1) ขั วปล่อย
                   กระแสไฟฟ้า (current electrodes) ได้แก่ A และ B และ (2) ขั ววัดศักย์ไฟฟ้า (potential electrodes) ได้แก่

                   M และ N เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าลงสู่พื นดินผ่าน A และ B ก็จะสามารถวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขั ว M
                   และ N ซึ่งค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าดังกล่าวสามารถน้ามาค้านวณค่าความต้านทานไฟฟ้า (resistance, R) และค่า
                   ความต้านทานไฟฟ้าจ้าเพาะ (resistivity, ) ได้ ปัจจุบันเครื่องมือส่วนใหญ่สามารถวัดค่าความต้านทานไฟฟ้าได้

                   โดยตรง ส้าหรับการค้านวณ  ค่าความต้านทานไฟฟ้าจ้าเพาะนั น สามารถท้าได้ไม่ว่าจะวางขั วไฟฟ้าในลักษณะใด
                   รูปแบบการ  จัดวางขั วไฟฟ้าที่ใช้แพร่หลายในปัจจุบัน ได้แก่ การจัดวางรูปแบบเวนเนอร์ (wenner
                   configuration) รูปแบบชลัมเบอร์เจอร์ (schlumberger configuration) และรูปแบบไดโพล-ไดโพล (dipole-
                   dipole configuration)














                           รูปที่ 2-1 หลักการส ารวจวัดค่าความต้านทานไฟฟ้าของชั้นดินและหิน (Vogelsang 1995)


                   ส้านักทรัพยากรน ้าบาดาล เขต 10 อุดรธานี     2-1
                   กรมทรัพยากรน ้าบาดาล
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18