Page 5 - mukdahansuksapub
P. 5
5 บริเวณวัดร้างริมฝั่งโขงยังมีต้นตาล ๗ ยอด ซึ่งเวลากลางคืนได้มีผู้พบเห็นแก้วดวงหนึ่งสีสดใส เปล่งแสงเป็นประกายแวววาวเสด็จ(ลอย)ออกจากต้นตาล ๗ ยอดจวบจนใกล้รุ่งสว่างแก้วดวงนั้นจึงเสด็จ(ลอย) กลับมาที่ต้นตาล ๗ ยอดหลายครั้งหลายหน เจ้าจันทกินรีเห็นเป็นศุภนิมิตอันดีจึงให้ขนานนามแก้วดวงนั้นว่า แก้วมุกดาหาร เพราะว่าได้มีผู้พบเห็นไข่มุกด์อยู่ในหอยกาบ(หอยกี้)ในลํานํ้าโขงบริเวณนี้อีก เจ้าจันทกินรีจึง ประกาศขนานนามเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ว่าเมืองบังมุก เพราะตั้งอยู่ปากห้วยบังมุกริมฝั่งโขงตั้งแต่เดือน ๔ ปีกุนจุล ศักราช ๑๑๓๒ (พ.ศ.๒๓๑๓) อาณาเขตของเมืองมุกดาหารครอบคลุมทั้งสองฝั่งโขงจนจดดินแดนญวน จึง เสมือนหนึ่งเป็นรัฐๆหนึ่งในสองฝั่งโขง ครั้นถึงสมัยกรุงธนบุรีเมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทยขึ้นและได้แผ่ แสนยานุภาพขึ้นมาถึงแถบลุ่มแม่นํ้าโขง จนถึง พ.ศ.๒๓๒๑ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จเจ้าพระยา มหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ และสมเด็จพระราชวังบวรสุรสิงหนาท) ยกกองทัพขึ้นมาปราบปราบและรวบรวมหัวเมืองใหญ่น้อยในสองฝั่งโขง ตั้งแต่นครจําปาศักดิ์จนถึงนคร เวียงจันทน์และหลวงพระบาง รวมอยู่ในราชอาณาจักร์ของกรุงเทพมหานคร(กรุงธนบุรี) เมืองบังมุกจึง รวมอยู่ในข้าขอบขัณฑสีมาของกรุงเทพมหานครตั้งแต่ครั้นนั้นเป็นต้นมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งให้ เจ้าจันทกินรี เป็น พระยาจันทรศรีสุราชอุปราชามันธาตุราช เจ้าเมืองมุกดาหารคนแรกและพระราชทานนาม เมืองว่า เมืองมุกดาหารตามที่ขอพระราชทาน ๑ การปกครองของเมืองมุกดาหารในอดีต การปกครองของเมืองมุกดาหารในอดีตเสมือนรัฐๆหนึ่งที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ในสองฝั่งโขงจน จดดินแดนของญวนหรือเวียดนาม เสมือนหนึ่งประเทศราชขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร ทั้งอนุโลมให้ ปกครองตามธรรมเนียมโบราณแบบลาวล้านช้าง ซึ่งมีเจ้าเมือง,อุปฮาด,ราชวงษ์,ราชบุตรและผู้ช่วยราชการเมือง เป็นกรมการเมืองชั้นผู้ใหญ่ พร้อมด้วยตําแหน่งท้าวเพี้ยกรมการเมืองอีก๑๒ ตําแหน่งคือ เมืองแสน,เมือง จันทน์,เมืองซ้าย,เมืองขวา,เมืองกลาง,ชาเนตร,ชานนท์,ชาบัณฑิต,เมืองคุก,เมืองฮาม,นาเหนือ,นาใต้ ฯลฯ เมืองจันทน์ดูแลบ้านเมืองทางเหนือ, เมืองแสนดูแลบ้านเมืองทางใต้. เมืองซ้าย,เมืองขวา,เมืองกลางเป็นแม่ทัพ คุมกําลัง ชาเนตร,ชานนท์,ชาบัณฑิตงานเกี่ยวเอกสาร เมืองคุก,เมืองฮามดูแลนักโทษ นาเหนือ,นาใต้มีหน้าที่ เก็บส่วยภาษีข้าวเปลือกขึ้นฉางไว้ใช้ในราชการ เจ้าเมืองและกรมการเมืองเป็นทั้งแม่ทัพเป็นทั้งทหารและตํารวจ เป็นทั้งผู้พิพากษาตัดสินคดีความ เจ้าเมืองและ กรมการเมืองไม่มีเงินเดือน จึงต้องเก็บส่วยสาอากรเข้าคลังเมือง เงินส่วยส่วนหนึ่งเป็นส่วยและราชบรรณาการส่งต่อกรุงเทพมหานคร ส่วนที่เหลือเจ้าเมืองกรมการเมืองจะ แบ่งปันกันตามตําแหน่ง