Page 10 - mukdahansuksapub
P. 10

                                                                                                             10                 ช้าง ๔ เชือก,ม้า ๑๐ ตัว,โคต่าง๘๐ ตัว,ปืนคาบศิลา ๑๕๒ กระบอก,ดินดํา ๒๐ ชั่ง,กระสุน ๑,๓๐๐ ลูก,เรือ ๒๐ลํา                 ข้าวเปลือก ๑,๕๐๐ ถัง  โดยมีราชบุตร(เมฆ)เป็นนายกองคุมกําลังไปสมทบกองทัพใหญ่จากกรุงเทพฯ     ราช                 บุตร(เมฆ)ต่อมาในพ.ศ.๒๔๓๐  ได้ดํารงตําแหน่งเจ้าเมืองมุกดาหาร และ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ครั้ง                 สุดท้ายเป็น พระยาศศิวงษ์ประวัติ(เมฆ จันทรสาขา)   ในราชการปราบทัพฮ่อครั้งนั้นไพร่พลเมืองมุกดาหารถูก                 กระสุนปืนตาย ๑๐ คน,สูญหาย ๑๓ คน,เสือขบ(กัด)ตาย ๔ คน, ตายเจ็บไข้ ๗๒ คนรวมตาย ๙๙คน  ช้าง ๔ เชือก                 ยังอยู่ครบ,ม้า ๑๐ ตัวตาย ๒,โคต่าง ๘๐ ตาย ๕๐                                        พ.ศ.๒๔๒๙ เมื่อญวน(เวียดนาม)พ่ายแพ้แก่ฝรั่งเศสโดยสิ้นเชิงจนตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส                 พระเจ้าแผ่นดินญวนคือ เจ้าฟ้าหามงิเวียนเทียน ซึ่งยังทรงพระเยาว์อยู่พร้อมด้วยผู้สําเร็จราชการและไพร่พลอีก                 เป็นจํานวนมาก   ได้อพยพหลบหนีฝรั่งเศสเข้ามาในพระราชอาณาจักร์ไทยทางฝั่งโขงตะวันออก(ดินแดนลาว)                 ทางเมืองลาวกาว  ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเขตเวียดนามคือเมืองลาวบ๋าว (Lao bao ) เข้าทางด่านติงยะเหลา.เมืองเซโปน                 อันเป็นเขตแดนเมืองมุกดาหาร    พระยามหาอํามาตยาธิบดี(หรุ่นศรีเพ็ญ) ข้าหลวงใหญ่และแม่ทัพไทยได้ยก                 กําลังขึ้นมาบัญชาการอยู่ที่เมืองเขมราฐ    แล้วสั่งให้กองทัพเมืองเขมราฐ,เมืองมุกดาหาร,เมืองนครพนมและ                 เมืองสกลนครยกกองทัพออกไปขับไล่สกัดกั้นมิให้กําลังไพร่พลพระเจ้าแผ่นดินญวนล่วงลํ้าเข้ามาในเขตพระ                 ราชอาณาจักร แต่ก็ยังมีญวนบางพวกหลบหนีเข้ามาอยู่ในเขตพระราชอาณาจักรเช่นที่เมืองสกลนคร,นครพนม                 และมุกดาหาร                                        ๘. แบ่งการปกครองภาคอีสานเป็นสองส่วน                                           เนื่องจากฝรั่งเศสได้เริ่มรุกลํ้าเข้ามาและยึดเอาดินแดนเขมรและเวียดนามเป็นอาณานิคม                 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ ๕)จึงเริ่มส่งข้าหลวงออกมาประจําในดินแดนภาคอีสานต่างพระเนตร                 พระกรรณ ครั้นถึง พ.ศ.๒๓๓๔(สมัยรัชกาลที่๕)จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้                                            (๑). พระเจ้าบรมวงษ์เธอ   กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เป็นข้าหลวงต่างพระองค์สําเร็จราชการ                 หัวเมืองลาวพวน(อีสานเหนือ)ตั้งกองบัญชาการที่เมืองหนองคาย(ต่อมาย้ายกองบัญชาการมาตั้งที่เมืองอุดรธานี)                 มีอํานาจปกครองเมืองหนองคาย,เมืองหล่มศักดิ์,เมืองไชยบุรี,เมืองท่าอุเทน, เมืองนครพนม, เมืองสกลนคร,                 เมืองหนองหาน,เมืองกมุทาสัย(หนองบัวลําภู)เมืองโพนพิสัย,เมืองขอนแก่น,เมืองมุกดาหาร   รวมทั้งเมืองทาง                 ฝั่งโขงตะวันออก(ดินแดนลาว)คือเมืองเชียงขวาง,เมืองคําเกิด,เมืองคําม่วนและเมืองบริคัณฑนิคมและเมืองขึ้น                 เมืองเหล่านี้                                        (๒). พระเจ้าบรมวงษ์เธอ  กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เป็นข้าหลวงต่างพระองค์                                        สําเร็จราชการหัวเมืองลาวกาว (อีสานใต้)ตั้งกองบัญชาการที่เมืองอุบลราชธานี      มี                                        อํานาจปกครองเมืองนครจําปาศักดิ์อุบลราชธานี,ยโสธร.ขุขันธ์(ศรีสะเกษ)บุรีรัมย์,                                        ร้อยเอ็ด,กาฬสินธ์,มหาสาคามฯลฯ
   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15