Page 15 - mukdahansuksapub
P. 15

                                                                                                             15                                             ๑๓. เมืองมุกดาหารถูกยุบลงเป็นอําเภอมุกดาหาร                                 พ.ศ.๒๔๕๐ได้มีการปรับปรุงการปกครองหัวเมือง(ภูมิภาค)เป็นแบบมณฑล,จังหวัด,อําเภอ                 เมืองต่างๆ ในริมฝั่งโขงถูกยุบลงเป็นอําเภอหมด มีเมืองนครพนมเท่านั้นที่ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด                 แม้แต่เมืองหนองคายก็ถูกยุบลงเป็นอําเภอเช่นเดียวกัน(ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดเมื่อพ.ศ.๒๔๖๐)  เมืองมุกดาหาร                             พ.ศ.๒๔๕๗ สมัยรัชกาลที่ ๖ ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ขนานนามสกุลขึ้น พระยาศศิวงษ์ประวัติ                 (เมฆ)อดีตเจ้าเมืองมุกดาหาร จางวางกํากับราชการเมืองมุกดาหารและกรมการพิเศษจังหวัดนครพนมได้รับพระ                 ราชทานนามสกุล  จันทรสาขา (Chandrasakha)  เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๗  ทะเบียนนามสกุล                 พระราชทานเลขที่ ๑๓๗๐และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๗                                     ซึ่งพระยาศศิวงษ์ประวัติ (เมฆ  จันทรสาขา)ท่านได้อนุญาติให้บรรดาลูกหลานของพี่สาวและน้อง                 ตลอดทั้งเครือญาติของท่านใช้นามสกุลจันทรสาขาร่วมด้วย                             พ.ศ.๒๔๖๕ ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ประกาศแบ่งการปกครองประเทศส่วนภูมิภาคออกเป็น ๓ ภาคคือ                 ภาคเหนือเรียกว่าภาคพายัพ,ภาคใต้เรียกว่า ภาคทักษิณ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า ภาคอีสาน โดยมี                 อุปราชประจําภาคมีอํานาจเหนือข้าราชพลเรือนทั้งปวง  ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๕                             เมื่อเมืองมุกดาหารตั้งเป็นเมืองมา ๑๓๗ ปี  จึงได้ถูกยุบลงเป็นอําเภอมุกดาหารขึ้นกับจังหวัด                 นครพนม ต่อมาอีกถึง ๗๕ ปี   รวมเป็นเมืองและอําเภออยู่ถึง ๒๑๒ ปี  จึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด                 มุกดาหารเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๕  จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๕๘)เป็นจังหวัดมุกดาหารอีก ๓๔ ปีมี                 ผู้ว่าราชการจังหวัดรวม ๑๗คน ตั้งแต่ตั้งบ้านตั้งเมืองมาแล้วถูกยุบเป็นอําเภอ,เป็นจังหวัดจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา                 รวมถึงปัจจุบันได้ ๒๔๖ ปี  (พ.ศ.๒๕๕๙)                                   ๑๔.กรณีพิพาทกับอินโดจีนของฝรั่งเศส                                                       พ.ศ.๒๔๘๒ เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพนาซีของเยอรมันเข้ายึดกรุงปารีสของ                 ฝรั่งเศส  ฝรั่งเศสยินยอมลงนามทําสัญญาสงบศึกกับเยอรมนี   อัครราชทูตฝรั่งเศสที่กรุงเทพฯได้ขอทําสัญญากับ                 รัฐบาลไทยว่า  ทั้งสองฝ่ายจะไม่รบและรุกรานกันและจะไม่ช่วยชาติอื่นทําสงครามต่อภาคีหนึ่งภาคีใด  จะเคารพ                 อธิปไตยหรืออาณาเขตของอีกฝ่ายหนึ่ง    นอกจากนั้นยังมีเงื่อนไขให้ถือเอาร่องนํ้าในแม่นํ้าโขงเป็นเส้นเขตแดน                 โดยทางฝั่งขวาของร่องนํ้าโขงเป็นเขตไทยและทางฝั่งซ้ายเป็นเขตแดนของอินโดจีนฝรั่งเศส                                                      ครั้นถึง พ.ศ.๒๔๘๓เมื่อฝรั่งเศสได้ยอมแพ้แก่เยอรมนีแล้วรัฐบาลใหม่ของฝรั่งเศสที่เมือง                 วิชี่ได้เร่งรัดขอให้กติกาสัญญาที่ไทยทําไว้กับฝรั่งเศสมีผลใช้บังคับทันทีโดยไม่ต้องรอแลกเปลี่ยนสัตยาบัน    รัฐ                 บาลไทยไม่ขัดข้องแต่เนื่องจากสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป  จึงขอให้ฝรั่งเศสตกลงในหลักการ ๓ ข้อก่อนคือ                              ๑.ขอให้เส้นเขตแดนตามลํานํ้าโขงเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ  โดยให้ถือ “ร่องนํ้าลึก”                 เป็นเกณฑ์                              ๒.ให้ปรับปรุงเส้นเขตแดนให้เป็นไปตามธรรมชาติ   คือให้ถือว่าแม่นํ้าโขงเป็นเส้นเขตแดนระหว่างประ
   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20