Page 6 - mukdahansuksapub
P. 6

                                                                                                              6                   ๒. ส่วยสาภาษีอากร                                            เมืองมุกดาหารเก็บส่วยจากชายฉกรรจ์คนละ ๒ บาท  จากการสักเลข(สํารวจสํามะโนครัว)เมื่อ พ.ศ.                 ๒๔๐๒ ในสมัยรัชการที่ ๔ เมืองมุกดาหารมีชายฉกรรจ์ ๘ พันคน(เมืองอุบลราชธานีและเมืองขอนแก่นสักเลข                 ได้ ๖ พันคน)หากไม่มีเงินเสียส่วยชายฉกรรจ์ต้องหาสิ่งของพื้นเมืองเช่น เร่ว(หมากแหน่ง),สีผึ้ง,ฝ้ายหรือของป่า                 เช่นงาช้าง,นอแรด,เขากวาง,หนังสัตว์มาตีราคาเป็นเงินแทนส่วย     ภาษีอื่นๆเช่นยาสูบเก็บภาษีร้อยชักสิบ,เกลือ                 เก็บภาษีร้อยชักสิบ,ปลาบึกเก็บภาษี ๒๔ชัก ๘เช่นผู้ใดจับปลาบึกในลํานํ้าโขงได้   ต้องแบ่งปลาบึกออกเป็น ๒๔                 ส่วนแล้วแบ่งให้กรมการเมือง ๘ ส่วน     ส่วนฝิ่นมีชาวจีนเป็นเจ้าภาษีฝิ่นเสียภาษีฝิ่นเดือนละ ๒ ตําลึง (๘ บาท)                             ๓. กวาดต้อนผู้คนจากฝั่งโขงตะวันออก                                          ในสมัยรัชกาลที่ ๓ เมื่อพ.ศ.๒๓๖๙เจ้าอนุวงษ์เวียงจันทน์ซึ่งเป็ นประเทศราชขึ้นกับ                 กรุงเทพมหานครยกกองทัพลงไปกวาดต้อนผู้คนจนถึงเมืองนครราชสีมาเพื่อกวาดต้อนไปยังนครเวียงจันทน์                 กองทัพกรุงเทพฯจึงต้องยกกองทัพขึ้นมาปราบปรามและได้เกณฑ์กองทัพเมืองหนองคาย,นครพนม,มุกดาหาร                 ,เขมราฐ,ยโสธร,อุบลราชธานีฯลฯให้ยกกําลังข้ามโขงไปกวาดต้อนผู้คนคือพวกผู้ไทย,ข่า,กะโซ่,กะเลิง,แสก,ย้อ,                 โย้ยจากเมืองวัง,เมืองเซโป,  เมืองพิน,เมืองนองฯลฯ   ทางฝั่งโขงตะวันออกจนจดดินแดนญวนหรือเวียดนามให้                 มาตั้งบ้านเรือนอยู่ทางฝั่งโขงตะวันตกเช่นที่เมืองสกลนคร,กาฬสินธุ์,นครพนม,มุกดาหารฯลฯ   เพื่อไม่ให้เป็น                 กําลังแก่ฝ่ายเวียงจันทน์                                       ๔. แบ่งเขตแดนกับเมืองนครพนมที่หน้าองค์พระธาตุพนม                                           เมืองมุกดาหารแบ่งเขตแดนกับเมืองนครพนมที่หน้าองค์พระธาตุพนม โดยให้ทั้งสองเมืองดูแล                 องค์พระธาตุพนมร่วมกัน  ผู้คนพลเมืองรอบๆองค์พระธาตุพนมถือว่าเป็นข้าโอกาส(ข้าทาส)องค์พระธาตุพนม                 ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียส่วย(ภาษี,อากร)แต่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานและสิ่งของเช่นอิฐ,ปูน,กรวด,ทรายเพื่อ                 บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุพนม   เจ้าเมืองมุกดาหารในลําดับที่๒คือพระยาจันทรสุริยวงษ์(กิ่ง)ซึ่งดํารง                 ตําแหน่งเจ้าเมืองมุกดาหารระหว่าง พ.ศ.๒๓๔๘ ถึง พ.ศ.๒๓๘๓ได้เคยไปบูรณปฏิสังขรณ์และสร้างพัทธสีมาไว้                 ในวัดพระธาตุพนม เช่น                                                (๑).เมื่อ พ.ศ.๒๓๔๙ เจ้าอนุวงษ์เวียงจันทน์,พระบรมราชา(สุตตา)เจ้าเมืองนครพนมและพระ                 ยาจันทรสุริยวงษ์(กิ่ง)เจ้าเมืองมุกดาหารได้ร่วมกันสร้างถนนและสะพานจากริมฝั่งโขง   ไปยังองค์พระธาตุพนม                 ซึ่งพงศาวดารเวียงจันทน์ได้บันทึกไว้ว่า    “ ศักราช ได้  ๑๖๘ ปียี่   เจ้าอนุวงษ์เวียงจันทน์,เจ้าเมืองละครแลบังมุกได้สร้าง                 ขัววัด พระธาตุ...”                                                   (๒) เมื่อ พ.ศ.๒๓๔๙ในปีเดียวกันเจ้าเมืองมุกดาหารได้สร้างพัทธ สีมาขึ้นไว้ในวัดพระธาตุ                 พนม  โดยได้มีแผ่นศิลาจารึกไว้ว่า       “..ศักราช ๑๖๘ ปีฮวายยี่  เจ้าพญาจันทรสุริยวงษ์ เมืองมุกดาหารกับทั้งปุตตนัตตา                 ภริยา    มีอัครมหาเสนาเจ้าใหญ่ทั้งปวง      มีปัสสารทสัทธา ในวรศาสนาอันลํ้ายิ่ง  จึงให้พญาหลวงเมืองจันทร์ขึ้นมาปัคคัยหะ                 กับขุนโอกาสพร้อมกันโมทนาเจ้าสังฆราชกับทั้งอัตตาเวสิก   พร้อมกันริจนสิมมาสืบฮอยมืออรหันตาเจ้า  ขอให้ได้ดังใจ จง                 นิพพานปัจจัยโยโหตุ”
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11