Page 1906 - บทคดยอการทดลองสนสด 58 สมบรณ_Neat
P. 1906

ผลการทดลองปีที่สอง การใส่ปุ๋ยยูเรียมีอัตราการระเหิดสูงสุด เฉลี่ย 21 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณ

                       ไนโตรเจนทั้งหมดที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในปุ๋ย รองลงมาคือ ปุ๋ยแอมโนเนียมซัลเฟต มีอัตราการระเหิด

                       เฉลี่ย 14.5 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด และปุ๋ยเชิงประกอบ (16-20-0) มีอัตราการระเหิด
                       ต่ำสุด เฉลี่ย 7.3 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด หลังจากใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ที่ระยะเวลา 7 วัน

                       พบว่ามีอัตราการระเหิดสูงสุด และเริ่มคงที่เมื่อระยะเวลา 14 วัน หลังจากใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ในทุกกรรมวิธี
                       สำหรับวิธีการใส่ปุ๋ย การกลบปุ๋ย ทำให้อัตราการระเหิดของไนโตรเจนต่ำกว่าการใส่ปุ๋ยแบบหว่านปุ๋ย

                       ทุกกรรมวิธี การเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวโพด พบว่าความสูงของข้าวโพดที่อายุ 30 และ 60 วัน

                       จำนวนต้นต่อไร่ น้ำหนักต้นต่อไร่ จำนวนฝักต่อไร่ น้ำหนักเมล็ดที่ความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ต่อไร่ และ
                       เปอร์เซ็นต์กะเทาะเมล็ดแตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งกรรมวิธีการใส่ปุ๋ยเชิงประกอบ

                       (16-20-0) แบบกลบ มีแนวโน้มให้ผลผลิตที่ความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ต่อไร่สูงสุด เท่ากับ 1,325 กิโลกรัมต่อไร่

                              ผลการทดลองปีที่สาม พบว่า การใส่ปุ๋ยยูเรียมีอัตราการระเหิดสูงสุด เฉลี่ย 21.1 เปอร์เซ็นต์
                       ของปริมาณไนโตรเจนทั้งหมดที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในปุ๋ย รองลงมาคือ ปุ๋ยแอมโนเนียมซัลเฟตมีอัตรา

                       การระเหิด เฉลี่ย 12.4 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด และปุ๋ยเชิงประกอบ (16-20-0) มีอัตรา
                       การระเหิดต่ำสุด เฉลี่ย 7.2 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด หลังจากใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ที่ระยะเวลา

                       7 วัน พบว่ามีอัตราการระเหิดสูงสุด และเริ่มคงที่เมื่อระยะเวลา 14 วัน หลังจากใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ในทุก

                       กรรมวิธี สำหรับวิธีการใส่ปุ๋ย การกลบปุ๋ย ทำให้อัตราการระเหิดของไนโตรเจนต่ำกว่าการใส่ปุ๋ยแบบหว่านปุ๋ย
                       ทุกกรรมวิธี การเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวโพด พบว่าความสูงของข้าวโพดที่อายุ 30 และ 60 วัน

                       จำนวนต้นต่อไร่ น้ำหนักต้นต่อไร่ จำนวนฝักต่อไร่ น้ำหนักเมล็ดที่ความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ต่อไร่ และ
                       เปอร์เซ็นต์กะเทาะเมล็ดแตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งกรรมวิธีการใส่ปุ๋ยเชิงประกอบ

                       (16-20-0) แบบกลบ มีแนวโน้มให้ผลผลิตที่ความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ต่อไร่สูงสุด เท่ากับ 1,195 กิโลกรัมต่อไร่

                              ผลการทดลองปีที่สี่ พบว่า การใส่ปุ๋ยยูเรียมีอัตราการระเหิดสูงสุด เฉลี่ย 20.5 เปอร์เซ็นต์
                       ของปริมาณไนโตรเจนทั้งหมดที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในปุ๋ย รองลงมาคือ ปุ๋ยแอมโนเนียมซัลเฟตมีอัตรา

                       การระเหิด เฉลี่ย 12.1 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด และปุ๋ยเชิงประกอบ (16-20-0) มีอัตรา

                       การระเหิดต่ำสุด เฉลี่ย 7.3 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด หลังจากใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ที่ระยะเวลา
                       7 วัน พบว่ามีอัตราการระเหิดสูงสุด และเริ่มคงที่เมื่อระยะเวลา 14 วัน หลังจากใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ในทุก

                       กรรมวิธี สำหรับวิธีการใส่ปุ๋ย การกลบปุ๋ย ทำให้อัตราการระเหิดของไนโตรเจนต่ำกว่าการใส่ปุ๋ยแบบหว่านปุ๋ย

                       ทุกกรรมวิธี การเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวโพด พบว่าความสูงของข้าวโพดที่อายุ 30 และ 60 วัน
                       จำนวนต้นต่อไร่ น้ำหนักต้นต่อไร่ จำนวนฝักต่อไร่ น้ำหนักเมล็ดที่ความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ต่อไร่ และ

                       เปอร์เซ็นต์กะเทาะเมล็ด แตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งกรรมวิธีการใส่ปุ๋ยเชิงประกอบ
                       (16-20-0) แบบกลบ มีแนวโน้มให้ผลผลิตที่ความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ต่อไร่สูงสุด เท่ากับ 1,242 กิโลกรัมต่อไร่

                              จากผลการทดลองทั้ง 2 ชุดดิน ดังกล่าว พบว่า ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในรูปปุ๋ยเชิงประกอบที่มีธาตุ
                       ไนโตรเจน (16-20-0) หรือปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต ในพื้นที่ดินด่าง ซึ่งมีอัตราการระเหิดของไนโตรเจน

                       ต่ำกว่าการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในรูปปุ๋ยยูเรีย และการใส่ปุ๋ยแบบกลบทำให้อัตราการระเหิดของไนโตรเจน

                       ต่ำกว่าการใส่ปุ๋ยแบบหว่าน






                                                          1839
   1901   1902   1903   1904   1905   1906   1907   1908   1909   1910   1911